สิงคโปร์จำกัดจำนวนรถยนต์
สิงคโปร์จะจำกัดจำนวนรถยนต์บนถนนตั้งแต่เดือนก.พ.ปีหน้าเป็นต้นไป
สำนักงานการขนส่งทางบกสิงคโปร์อ้างถึงปัญหาพื้นที่ในประเทศที่มีอย่างจำกัดและการยกระดับการคมนาคมเป็นเหตุผลสำคัญในการจำกัดปริมาณรถยนต์
เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กมากและมีจำนวนประชากรที่คับคั่งจึงทำให้ต้องมีนโยบายที่เข้มงวดในการจำกัดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการเป็นเจ้าของรถยนต์ของชาวสิงคโปร์มีจำนวนน้อยกว่าประเทศที่ร่ำรวยอื่นๆหลายประเทศ
นอกจากการจำกัดปริมาณรถยนต์แล้ว สิงคโปมีนโยบายในการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการครอบครองเป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งเป็นอีกความพยายามหนึ่งที่จะลดจำนวนรถยนต์บนถนน โดยผ่านระบบที่ประชาชนจะต้องประมูลทะเบียนรถเพื่อให้ได้สิทธิที่จะครอบครองรถยนต์และใช้งานรถยนต์ได้ในปริมาณปีที่จำกัด ซึ่งเรียกกันว่าเอกสารสิทธิ์ครอบครองรถยนต์
ดังนั้น รถยนต์ขนาดกลางในสิงคโปร์จะมีค่าใช้จ่ายในการครอบครองสูงกว่าในสหรัฐฯถึง 4 เท่า ทั้งนี้ ธนาคารดอยช์แบงก์รายงานว่า รถยนต์ใหม่ขนาดกลางจะมีราคาประมาณ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.9 ล้านบาท ในสิงคโปร์ ซึ่งรถยนต์รุ่นเดียวกันนี้มีราคาประมาณ 24,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 799,200 บาทในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ
ทางสำนักงานการขนส่งทางบกกล่าวว่า การจำกัดปริมาณรถยนต์จะไม่กระทบกับจำนวนรถยนต์ที่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่มีอยู่เดิม เพราะรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ใช่รถที่ผลิตใหม่ โดยการจำกัดปริมาณใหม่จะต่ำกว่าการจำกัด 0.25% ที่มีอยู่เดิมซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2558
โดยการจำกัดจำนวนรถจะมีผลบังคับใช้กับรถยนต์และจักรยานยนต์ส่วนตัว แต่ไม่รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์และรถโดยสาร
ปัจจุบัน อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 11% ในขณะที่สหรัฐฯมีตัวเลขสูงเกือบ 80% และต่ำกว่า 50% ในยุโรป ทำให้สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 55 ของดัชนีความแออัดของการจราจรบนถนนทั่วโลกจากการจัดอันดับของบริษัท TomTom โดยกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียรั้งอันดับ 2 และกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับ 3 ของดัชนีนี้
ถึงแม้จะมีนโยบายควบคุมจากภาครัฐ ก็ยังมีรถยนต์เกือบ 1 ล้านคันบนถนนในสิงคโปร์ โดยมากกว่า 600,000 คันเป็นรถส่วนตัวและรถเช่า รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ในบริการร่วมโดยสาร เช่น อูเบอร์และแกร็บ
พื้นที่ถนนของสิงคโปร์มีเพียง 12% ของประเทศ เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณรถ ทางรัฐบาลจึงลงทุนอย่างหนักในโครงข่ายขนส่งสาธารณะของประเทศ โดยได้เพิ่มสถานีรถไฟแห่งใหม่อีก 41 แห่งในรอบ 6 ปีที่ผ่านมาและขยายโครงข่ายการขนส่งของประเทศเพิ่มอีก 30%
ทั้งนี้ สิงคโปร์กำลังลงทุนจำนวน 14,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 496,170 ล้านบาทในโครงสร้างพื้นฐานรถไฟใหม่ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 133.200 ล้านบาทในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ และอีก 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเงินอุดหนุนรถโดยสาร.