วัยรุ่นสิงคโปร์บริจาคเลือดลดลง
วัยรุ่นในสิงคโปร์ที่มีอายุระหว่าง 16-25 ปี บริจาคเลือดน้อยลง โดยมีจำนวนผู้บริจาคเลือดลดลงถึง 13% ในช่วงระยะเวลาปี 2555-2559
อ้างอิงจากศูนย์ควบคุมด้านวิทยาศาสตร์สาธารณสุขของสิงคโปร์ หรือ HSA ระบุว่า มีผู้บริจาคเลือดมากกว่า 73,000 รายในปีก่อน โดยมีการบริจาคเลือดให้กับผู้ป่วยทั้งหมด 30,000 ราย ในจำนวนทั้งหมด มีผู้บริจาคเลือดที่อายุระหว่าง 16 – 25 ปี ทั้งหมด 19,868 ราย ลดลงจากปี 2555 ที่มีผู้บริจาค 22,673 ราย
Gan Kim Yong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานวันบริจาคเลือดโลกเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า จำนวนผู้บริจาคที่ลดลง ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของเลือดสำหรับผู้ป่วยนั้นเพิ่มขึ้นเป็นประจำทุกปี ราว 3-5 % ประกอบกับประชากรมีอายุสูงขึ้นจำนวนมาก
เขาระบุว่า “ ในกรณีหนึ่ง การที่ประชากรมีอายุมากขึ้นหมายความว่าความต้องการเลือดก็จะมากตามไปด้วย ผู้สูงอายุจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องมาจากโรคทางการแพทย์ต่าง ๆ ”
“ ในอีกกรณีหนึ่ง จำนวนเลือดสำรองอาจลดลงอีกมาก เนื่องจากผู้บริจาคโดยทั่วไปไม่สามารถบริจาคเลือดได้เมื่ออายุมากขึ้นและกลายเป็นผู้สูงอายุที่มีโรค ”
เขาเสริมว่า ในแต่ละปีมีผู้บริจาคเลือดที่หยุดการบริจาคเลือดเพราะอาการป่วยหรือโรคต่างๆ ที่มาพร้อมอายุที่เพิ่มขึ้น และกลายเป็นแรงผลักดันให้ผู้อื่นบริจาคเลือดแทน
ปัจจุบัน สิงคโปร์มีความต้องการเลือดเพิ่มอีก 1.8% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
งานเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. จัดโดย National Blood Programme สภากาชาดสิงคโปร์ และ HSA มีผู้เข้าร่วมที่บริจาคเลือดเป็นประจำมากกว่า 1,257 ราย และบันทึกของหน่วยงานทั้งหมด โดยมีผู้บริจาคเลือดที่บริจาคทั้งหมด 200 ครั้ง ถึง 13 ราย
นายมาร์ติน มาร์รินี วัย 57 ปี หนึ่งในผู้บริจาคที่เริ่มบริจาคเลือดตั้งแต่เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 กล่าวว่า “ ผมกับเพื่อนคิดว่าการบริจาคเลือดตามการบริจาคเคลื่อนที่เป็นความคิดที่ดี พวกเราก็เลยไปเข้าแถวร่วมบริจาคเลือดด้วย ”
“ ตอนนั้นพวกเราไม่รู้อะไรเลย แต่หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ก็มีเหตุการระเบิดของเรือบรรทุกสปิรอส ”
เหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มอุตสาหกรรม มีผู้เสียชีวิตจากการระเบิดที่อู่ต่อเรือถึง 76 ราย
หลังจากเหตุการณ์ระเบิด รัฐบาลสิงคโปร์ออกประกาศและเรียกร้องให้ผู้ที่สามารถให้เลือดได้เข้าร่วมการบริจาคเลือดให้ผู้ได้รับผลกระทบ ทำให้นายมาร์ติน ตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคเลือดมากขึ้น
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นายมาร์ตินกลายเป็นผู้บริจาคเลือดเป็นประจำมากถึง 200 ครั้ง ตลอด 39 ปีที่ผ่านมา.