เวียดนามตกลงเอฟทีเอกับอียู
อียูเซ็นข้อตกลงเอฟทีเอกับเวียดนาม บิ๊กการค้าอียูเรียกเป็นโมเดลใหม่ของนโยบายการค้ากับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ส่วนเอฟทีเอกับไทย และมาเลเซียยังไม่คืบหน้า
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่า สหภาพยุโรป (อียู) และเวียดนาม ได้ลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกันในวันเดียวกันนี้ ซึ่งจะช่วยขจัดภาษีอากรสินค้าขาเข้าเกือบทั้งหมดภายในกรอบเวลานานถึง 7 ปี ระหว่างสหภาพยุโรปกับเวียดนาม ที่เป็นหนึ่งในประเทศคอมมิวนิสต์ที่เหลืออยู่ไม่กี่ประเทศของโลก
ขณะที่นายฌ็อง-โคล้ด ยุงเคอร์ ประธานกรรมาธิการหสภาพยุโรป แถลงหลังหารือกับนายกรัฐมนตรีเหวี๋ยน เติ๋น สุงของเวียดนาม ว่า การลงนามวันนี้ ไม่ใช่เป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์ แต่ถือเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่มีความทะเยอทะยานระหว่างอียูกับเวียดนามมากกว่าเดิม อียู และเวียดนาม สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันได้
การลงนามเอฟทีเอดังกล่าว มีขึ้นหลังมีการหารือเจรจาอย่างเข้มข้นมากว่า 2 ปี กับอีก 6เดือนระหว่างสหภาพยุโรป สมาชิก 28 ประเทศกับเวียดนามซึ่งมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน เติบโตขึ้น 3 เท่าหรือคิดเป็นมูลค่า 28,000 ล้านยุโรในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้อียูกับเวียดนามได้เห็นชอบ และบรรลุข้อตกลงในหลักการเมื่อเดือนส.ค. และเหลืออุปสรรคทางข้อกฎหมายไม่กี่ประการที่ต้องดำเนินการปรับแก้ไขเพื่อให้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย
โดย นางเซซิเลีย มาล์มสตรอม อดีตนักการเมืองชาวสวีเดน ผู้เป็นผู้แทนการค้าของอียู ระบุในแถลงการณ์เมื่อครั้งที่ออกในเดือนส.ค.แล้วว่า เป้าหมายสูงสุดของพวกเราคือการมีข้อตกลงระหว่างภูมิภาคกับภูมิภาค เรียกข้อตกลงเอฟทีเอกับเวียดนามว่าเป็นโมเดลใหม่ของนโยบายการค้าของอียูทำกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ก่อนหน้านี้อียูได้ลงนามเอฟทีเอกับสิงคโปร์ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนการเจรจาเอฟทีเอกับอีก 2 ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน คือ มาเลเซีย และไทย ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนสินค้าส่งออกเข้าอียูของเวียดนาม ก็เช่น โทรศัพท์มือถือ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้า และเสื้อผ้ารวมทั้งสินค้าเกษตรอย่างกาแฟ ข้าว อาหารทะเล ขณะที่อียูส่งออกสินค้าเทคโนโลยีเข้าเวียดนาม อย่างพวกเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องบิน รถยนต์และเวชภัณฑ์ นอกจากนี้อียูที่ได้ลงนามเอฟทีเอกับเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้วยังกำลังเจรจากรอบข้อตกลงเอฟทีเออยู่กับญี่ปุ่นอีกด้วย