28 ธ.ค. สิงคโปร์เปิดประเทศเฟส 3
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์จะเข้าสู่การเปิดประเทศในระยะที่ 3 ภายในสองสัปดาห์คือวันที่ 28 ธ.ค.นี้
ซึ่งจะอนุญาตให้มีการรวมตัวกันของประชาชนเพิ่มจาก 5 คนเป็น 8 คน และจะเพิ่มตัวเลขการจำกัดจำนวนคนในห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวและศาสนาสถานขึ้นด้วย
โดยจะมีการแจ้งรายละเอียดของการเปิดประเทศตามมาเร็วๆนี้ จากการแถลงข่าวของหน่วยงานบูรณาการในการรับมือกับภาวะวิกฤต
ในการแถลงทางโทรทัศน์ นายกฯลีระบุว่า เขาขอขอบคุณชาวสิงคโปร์ที่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
“ เรารวมกันเป็นหนึ่ง ระวังไม่ให้การ์ดตก และไม่ยอมให้เราเหลิงไปในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนของทุกคน มาตรการคุมเข้มของเราได้ผล และเราค่อยๆผ่อนปรนคลายมาตรการคุมเข้มของเรา และเราสามารถภูมิใจที่เรามาถึงจุดนี้ได้ ”
โดยผู้นำสิงคโปร์ระบุว่า ระยะ 3 หมายความว่าสิงคโปร์จะจบปีนี้ด้วยข่าวดี นายกฯลีระบุว่า ใช้เวลาเกือบตลอดทั้งปีตั้งแต่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในสิงคโปร์
แต่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 2 – 3 เดือนล่าสุด โดยสิงคโปร์สามารถจัดการให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันลดจากกว่า 1,000 รายต่อวันในเดือนมี.ค. – เม.ย. ลงมาอยู่ที่ 0 รายของการติดเชื้อในประเทศในช่วงเวลาส่วนใหญ่
นายกฯลีชี้ว่า เมื่อโรคระบาดโควิด-19 เริ่มอุบัติขึ้นครั้งแรก ประชาชนกังวลว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีสินค้าเพียงพอไหม ผู้ปกครองพากันเป็นห่วงที่เด็กๆ ต้องไปโรงเรียน แต่ตอนนี้ สินค้าเต็มชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ต ปีการศึกษาก็เป็นไปตามกำหนด และมีการใช้ชีวิตวิถีใหม่ยิ่งกว่าในช่วงสองเดือนที่บังคับใช้มาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์
ต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล และความโชคดีที่ทำให้สิงคโปร์สามารถควบคุมทุกอย่างได้ จากถ้อยแถลงของนายกฯลี
มาตรการที่เข้มงวดของสิงคโปร์ได้ผล และชาวสิงคโปร์แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะในการปรับตัว “เศรษฐกิจของเราถูกกระทบหนัก แต่เราไม่ปล่อยให้ทรุด แม้หลายประเทศจะย้ายฐาน แต่แรงงานส่วนใหญ่ของเรายังมีงานทำ”
ลีย้ำว่า ตอนนี้การป้องกันโควิด-19 ของเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีการจัดตั้งกระบวนการตรวจหาเชื้อ ด้วยการตรวจเป็นประจำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และตรวจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังยกระดับความสามารถในการสอบสวนโรค เช่น ขยายโครงการ SafeEntry และ TraceTogether
“เราใช้มาตรการคุมเข้มที่ไม่สะดวกสบาย และพบหลายทางที่จะเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป เราดูแลซึ่งกันและกัน เราเตือนกันให้เว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย สวมหน้ากากอนามัย และไปพบแพทย์หากไม่สบาย”