ดูแล้ว: 25 ธนารักษ์นำร่องใช้พื้นที่ชุมชนจัดประชุมหน่วยงานในสังกัดทุกเดือน จี้ผู้บริหารระดับสูงต้องลงพื้นที่โชว์สปิริต พร้อมอัดฉีดเงินไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาทลงทุกชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วไทย ตั้งเป้าขยายห้องประชุมในที่ราชพัสดุปีนี้ 18 จ.ก่อนลุยให้ครบทั้ง 77 จ.ภายในปีหน้า นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุว่า เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล โดยจะประสานหน่วยงานในสังกัดกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลัง รวมถึงส่วนราชการอื่นๆ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรงการท่องเที่ยวและกีฬา และอื่นๆ ในการเข้าใช้พื้นที่ของชุมชนต่างๆ เพื่อจัดประชุมสัมมนา ติดตามงาน และกิจกรรมอื่นๆ โดยกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังจะนำร่องก่อน จากนั้นจะเชิญชวนหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมจัดกิจกรรม ทั้งนี้ กรมฯมีแผนจะเร่งดำเนินการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุในพื้นที่ 18 จ.ภายในปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จครบทั้ง 77จ. ภายในปี 2563 “กรมฯมีที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นงบประมาณในการดำเนินงานตามนโยบายของท่านรอง นายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในครั้งนี้ จึงมีไม่มากนัก จะมีก็แต่ค่าเช่าโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องเสียง ฯลฯ ค่าว่าะมีเงินไหลเข้าไปในชุมชนต่างๆ ราว 50,000-70,000 บาทต่อครั้งต่อเดือน ซึ่งหากทุกจังหวัดสามารถจัดการประชุมได้ทุกเดือน จะทำให้ชุมชนต่างๆ มีเงินจากหน่วยงานของรัฐที่เข้าไปจัดการประชุมฯไม่ต่ำกว่าปีละ 600,000 บาท ซึ่งยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่เกิดจากการซื้อขายสินค้าและบริการของร้านค้าชุมชน ที่กรมฯเปิดให้มีการใช้พื้นที่ขายสินค้าและบริการของแต่ละชุมชน” อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงของกรมฯ ตั้งแต่ระดับที่ปรึกษาฯ และรองอธิบดี รวมถึงตัวอธิบดีเอง จะต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนลงพื้นที่เพื่อเข้าประชุมร่วมกับธนารักษ์จังหวัด คลังจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ อย่างน้อยเดือนละครั้งในแต่ละพื้นที่ และหากหน่วยงานในระดับจังหวัด และ/หรือ หน่วยงานจากส่วนกลางในสังกัดกระทรวงอื่นๆ มาใช้บริการห้องประชุมในที่ราชพัสดุ รวมถึงเกิดการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้าและบริการภายในชุมชนนั้นๆ แล้ว เชื่อว่าจะเกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก และลดความเหลื่อมล้ำได้ในระดับหนึ่งทีเดียว โดยวันพรุ่งนี้ (29 ต.ค.) กรมธนารักษ์จะเดินทางไปมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตามโครงการธนารักษ์ประชารัฐให้กับประชน 300 ราย แบ่งเป็นสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร 257 ราย และเพื่ออยู่อาศัยอีก 43 ราย ครอบคลุม 4 อ. คือ อ.เคียนชา อ.พระแสง อ.พุนพิน และ อ.คีรีรัฐนิคม จากนั้น ในวันที่ 5 พ.ย. จะเดินทางไปมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี อีก 141 ราย และเป็นสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร ทั้งหมด... อ่านต่อ
NATIONAL
ดูแล้ว: 30 รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับ ผู้ประกอบการ พร้อมนำเสนอสินเชื่อเสริมสภาพคล่องแก่เอสเอ็มอี 3,000... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 312 เน็กซัสฯ คาดภายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีผู้ประกอบการด้านตลาดอาคารสำนักงานทยอยเปิดบริการอีก 13 โครงการ... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 41 คปภ.ประสานบริษัทกลางฯ เคลียร์แทนบริษัทประกันภัย จ่ายสินไหมทดแทนแก่ 7 ทายาทผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่อุบลฯแล้ว เผยหากมีพบการทำประกันภัยอื่นๆ จะตามมาจ่ายเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ “เลขาธิการ คปภ.” ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งตรวจสอบข้อมูลประกันภัยและประสานบริษัทประกันภัยให้เข้าไปเยียวยาและจ่ายสินทดแทนกรณีรถตู้ชนรถบรรทุก จนมีผู้เสียชีวิต 7 ศพที่ จ.อุบลราชธานี ล่าสุด เลขาธิการ คปภ. ระบุว่า แม้... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 122 รมว.คลังจี้สรรพสามิต เร่งสกัดร้านค้ายาดองทั่วไทย หลังพบแอบลักลอบผลิตจาก “เหล้าเถื่อน” จนมีคนตาย 3 ศพที่ชลบุรี เตือนผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราที่ไม่ได้รับอนุญาตผลิตจากกรมสรรพสามิต กระแส “เหล้าปลอมระบาด” ทำให้ผู้บริโภคต่างตกอยู่ในภาวะความ “เสี่ยง” กับสารพัดอาการโรคร้าย กระทั่งเกิดการเสียชีวิต เริ่มกลับมาเป็นประเด็นสาธารณะให้สังคมไทยต้องตระหนักรู้และวางแผนรับมือกันอีกครั้ง ล่าสุด “รองโฆษกกรมสรรพสามิต” นายณัฐกร อุเทนสุต ผอ.สำนักแผนภาษี เปิดแถลงข่าวเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (25 ต.ค.) ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 1 กรณีชาวบ้าน 3 รายใน ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรี หลังมีอาการแน่นหน้าอก อาเจียน เพราะดื่มเหล้ายาดองที่ซื้อมา โดยมีส่วนผสมของสมุนไพรรากสามสิบ ผสมคางคกและเหล้าขาวมาดื่ม จากการตรวจสอบพบว่าในสถานที่ทำเหล้ายาดองดังกล่าว พบทั้งถังแกลลอนเปล่าชนิดเมทิลแอลกอฮอล์ และชนิดเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการหาข้อเท็จจริง เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตและแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้กระทำผิดต่อไป “นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิต เร่งปราบปรามผู้ผลิตยาดองเถื่อนและซุ้มยาดองผิดกฎหมายทั่วประเทศ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวผิดพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่ไม่อนุญาตให้ทำเหล้ายาดองเพื่อขายได้ ยกเว้นจะดองเพื่อบริโภคเองเท่านั้น” นายณัฐกร ระบุ อย่างไรก็ตาม มีกรณีการยกเว้น หากเป็นการนำเหล้าไปผสมเพื่อทำยาแผนโบราณ เช่น ยาแก้ไอ ม้ากระทืบโรง เป็นต้น โดยผู้ผลิตจะต้องนำบรรจุภัณฑ์ และส่วนผสมในการผลิตยาแผนโบราณไปให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบ โดยหากผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก อย. ก็สามารถนำมาจำหน่ายได้ แต่จะถูกจัดอยู่ในหมวดยา และขายได้ที่ร้านขายยาเท่านั้น สำหรับบทลงโทษของการกระทำผิดแบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ขายเหล้ายาดองที่ทำจากสุราที่เสียภาษีแล้ว จะผิดกฎหมายของ กรมสรรพสามิต ตามมาตรา 155... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 17 พบมือป่วน “ชิมช้อปใช้ – เฟส 2” โชคดีที่ ก.คลังตรวจพบก่อน... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 22 พบมือป่วน “ชิมช้อปใช้ – เฟส 2” โชคดีที่ ก.คลังตรวจพบก่อน... อ่านต่อ
“ชิมช้อปใช้” ขึ้นที่1แฮชแท็กทวิตเตอร์
1 min read
ดูแล้ว: 28 “ชิมช้อปใช้” แรงไม่หยุด ติดแฮชแท็กทวิตเตอร์ “อันดับ 1” ส่วน “เฟส... อ่านต่อ
TBCSD ร่วมขจัด 3 สาเหตุก่อปัญหา PM 2.5
1 min read
ดูแล้ว: 18 TBCSD ชี้ 3 สาเหตุหลักก่อปัญหา PM 2.5 พร้อมเสนอมาตรการที่... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 11 โบรกเกอร์รายใหญ่ “capital one” ชี้มาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง ครอบคลุมตลาด 3 ล้านบาท... อ่านต่อ
คปภ.จี้ประกันฯจ่ายชดเชย7ศพที่อุบลฯ
1 min read
ดูแล้ว: 40 คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือกรณีรถตู้ประสานงากับรถบรรทุกที่อุบลราชธานีมีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย ตรวจพบแล้วมีการทำประกันภัย พร้อมเร่งรัดการจ่ายสินไหมเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์รถตู้ หมายเลขทะเบียน นค-8905 ชลบุรี ชนกับรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 83-6454 อุบลราชธานี บริเวณถนนวารินชำราบ – เดชอุดม กม.14 ต.เมืองศรีไค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากรายงานของ สำนักงาน คปภ. ภาค 5 (อุบลราชธานี) ทราบว่า รถตู้คันดังกล่าวทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บมจ.ไทยศรีประกันภัย สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค.63 โดยให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีความเสียหายต่อร่างกายหรืออนามัย 80,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน ส่วนของรถบรรทุ ได้ทำ พ.ร.บ. กับ บมจ.วิริยะประกันภัย สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.63 นอกจากนี้... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 25 “โฆษกคลัง” เผยรัฐจัดเก็บรายได้ทั้งปี 62 ทะลุเป้า รวม 2.56 ล้านล้านบาท สูงกว่าทุกคาดการณ์เล็กน้อย เหตุเพราะการบริหารและเกาะติดใกล้ชิด ส่วนรายได้นำส่งคลังพุ่งเกือบ 2.54 ล้านล้านบาท ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทะยานเกิน 3 ล้านล้านบาท ระบุเหลือเงินคงคลังเกิน 5 แสนล้านบาท นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 – ก.ย.62) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 2,563,068 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 26,123 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 13,068 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.5 โดยการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น กรมสรรพากร และกรมศุลกากร รวมถึงการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงกว่าประมาณการจำนวน 46,014 9,145... อ่านต่อ
BAM จ่อขาย IPO 1,535 ล้านหุ้น
1 min read
ดูแล้ว: 36 BAM เตรียมขาย IPO 1,535 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง ชูจุดเด่นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดของประเทศ ประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจในทุกภาวะเศรษฐกิจ และการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องในอดีต นายสมพร มูลศรีแก้ว กก.ผจก.ใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 ต.ค.62 ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นในศักยภาพ และจุดแข็งที่ที เพราะเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิต่อเนื่องปีละกว่า 4,500 ล้านบาท มีสินทรัพย์เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี มีเครือข่ายทั่วประเทศมากที่สุดรวม 26 แห่ง และปัจจัยที่สำคัญคือ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์สามารถสร้างโอกาสในทุกภาวะเศรษฐกิจกล่าวคือในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมี NPLs มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเลือกซื้อ NPLs ได้ในราคาที่สร้างผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ลูกหนี้ของบริษัทฯ มีศักยภาพในการชำระหนี้ ลูกค้ามีกำลังซื้อทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) ด้านนายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กก.ผจก. บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า... อ่านต่อ
“53 ปี ธ.ก.ส.” จัดมอบรางวัลรวม 10 ล้าน
1 min read
ดูแล้ว: 26 ธ.ก.ส. ฉลองครบรอบ 53 ปี จัดมอบโชคโครงการ “ออมเงินเพื่อลดภาระหนี้กับทวีโชค – กรมธรรม์นำโชค” โครงการละ 53 รางวัล รวม 106 รางวัล รวมเงินรางวัลเฉียด 10 ล้านบาท ลุ้นจับรางวัล 1 พ.ย.นี้ นายกษาปณ์ เงินรวง ผช.ผจก.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบปีที่ 53 ของ ธ.ก.ส. ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จึงจัดกิจกรรมพิเศษมอบโชคแก่ลูกค้าใน 2 โครงการๆ ละ 53 รางวัล คือ “โครงการออมเงินเพื่อลดภาระหนี้กับทวีโชค” ที่จัดทำมาเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรที่ได้รับการลดดอกเบี้ยเงินกู้และขยายเวลาชำระหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 61 – 31 ก.ค.64 ได้ลุ้นโชคปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งนี้ ลุ้นรับรถกระบะโตโยต้า รีโว่ 2.4J Plus... อ่านต่อ
จี้ มท.ปล่อยเกณฑ์ลดภาระผู้ซื้อบ้าน
1 min read
ดูแล้ว: 29 “อุตตม” เร่งคุยมหาดไทย จี้เดินเครื่องมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย หวั่นประชาชนหมดศรัทธา หลังยื้อเคาะลดธรรมเนียมการโอนและจดทะเบียนการจำนอง ด้าน ธอส.คาด สิ้นไตรมาสแรกปี 63 ปล่อยกู้ซื้อบ้านเต็มวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทแน่ ระบุ 7 สัปดาห์ ปล่อยไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการเปิดรับเอกสารการยื่นขอกู้เงิน ตาม “มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย” ภายใต้กรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบก่อนหน้านี้ โดยมีประชาชนมายื่นขอกู้ฯในวันแรก (24 ต.ค.) เป็นจำนวนมากกว่า ธนาคารฯ ได้นำกลุ่มลูกค้าที่ได้ยื่นความจำนงขอกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยปกติ มาเข้าร่วมมาตรการนี้ คาดว่าภายใน 7 สัปดาห์นับจากนี้ ธนาคารฯจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการนี้จะมีอายุถึง 31 ธ.ค.63 แต่ก็เป็นในส่วนของมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยของกระทรวงมหาดไทย ที่จะได้รับการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 โดยในส่วนของมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. จะสิ้นสุดทันทีที่วงเงินเต็ม 50,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะสิ้นสุดมาตรการนี้ราวไตรมาสที่ 1 ของปี 63 ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์และประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการนี้ ธนาคารฯจะยังไม่เปิดรับคนกลุ่มนี้เข้าร่วมมาตรการฯ เนื่องจากต้องการช่วยเหลือคน 3 กลุ่มได้มีบ้านเป็นของตนเองเสียก่อน คือ กลุ่มที่ต้องการมีบ้านหลังแรก กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง และกลุ่มผู้สูงอายุ “ธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมรับภาระในด้านต่างๆ รวมถึงภาระจากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยไว้เอง เพื่อให้มาตรการดังกล่าวได้มีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างโอกาสในการมีบ้านใหม่ของกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เองก็น่าจะมีการจัดโปรโมชั่นคู่ขนานกันไป เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีที่ประชาชนมักจะจับจ่ายใช้สอยมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ และเมื่อประชาชนได้เข้าร่วมมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยฯ ก็จะเหลือเงินจากภาระการผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น เพราะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 2,000 บาทต่อเดือนในทุกๆ วงเงินสินเชื่อ 1 ล้านบาทนั่นเอง” นายฉัตรชัยกล่าว ด้าน นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า รัฐบาลมองเห็นปัญหาจากความไม่เชื่อมั่นของประชาชน หากมาตรการในส่วนของการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยของกระทรวงมหาดไทย ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง จึงได้หารือกับ รมว.มหาดไทย เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้มาตรการฯของกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการได้เร็วที่สุด คาดว่าอีกไม่นานนี้ มาตรการการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย จะเปิดให้ประชาชนสามารถขอรับสิทธิ์ในการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ได้... อ่านต่อ


