กบาลสะเปียน…ป่าต้นน้ำกำเนิดแห่งนครวัด
ถ้าจะถามว่าชาตินี้มีที่ไหนในโลกบ้างที่หากคุณมีโอกาสจะต้องหาโอกาสไปเยือนสักครั้ง
คำตอบคงมีหลากหลายเปะปะไปทั่วทุกมุมโลก นั่นขึ้นอยู่กับว่าถามนักท่องเที่ยวที่มีความชอบส่วนตัวประเภทใดแต่ถ้าย่อยคำถามให้เจาะจงขึ้น โดยการแบ่งสถานที่ “ ต้องไป ” เป็นประเภท สิ่งมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ คำตอบอาจเป็นไอซ์แลนด์หรือไม่ก็นอร์เวย์ ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยุคเรอนาซองค์ ยุคเกิดใหม่ที่มีศิลปะทุกแขนงถือกำเนิดและเบ่งบานไปทั่วทุกหัวระแหงก็หนีไม่พ้นอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่ถ้าถามถึงแหล่งอารยธรรมโบราณล่ะ จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะมุ่งไปสู่อียิปต์ หรือไม่ก็มุ่งสู่อังกอร์วัดมหานครที่สาบสูญไปในทันที
Angkor Wat และปราสาทโดยรอบภายในเมืองเสียมเรียบนั้นมีความรุ่งเรืองในขนาดที่เรียกว่าเป็นอาณาจักร ซึ่งไม่ค่อยเห็นมีมากนัก โดยเฉพาะในพื้นที่เอเชียอาคเนย์หรือดินแดนแหลมอินโดจีนทั้งหมดนี้ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกที่มีการรบพุ่งเปลี่ยนถ่ายอำนาจกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเปลี่ยนถ่ายจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง หรือเปลี่ยนตามลำดับกษัตริย์ภายในประเทศก็ตาม (ถึงแม้จะเปลี่ยนกษัตริย์ก็ยังมีการรบพุ่งแย่งชิงอำนาจและแก้แค้นระหว่างตระกูลกันเสมอ) จนฝรั่งถึงกับเรียกดินแดนแห่งนี้ว่าเป็น Warfare State คือเป็นดินแดนที่มีการรบกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้กษัตริย์ผู้ครองนคร ไม่ว่าจะเป็นพม่า สยาม เขมร หรือญวนในอดีตจำต้องเก่งการรบ และออกศึกตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ไม่มีเวลาสร้างเมือง หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ให้เหลือถึงอนุชนรุ่นหลังได้ หลายคนอาจเถียงว่าเราก็มีอาณาจักรสุโขทัย อยุธยา หรือแม้แต่เก่ากาลไปถึงทวารวดี เชียงแสนเหมือนกัน แต่ในเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดีและมนุษยวิทยาแล้ว คำว่าอาณาจักรหรือ Empire นั้นมีความหมายกินกว้างกว่านั้น ทั้งในเรื่องของขนาดและระยะเวลา ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงไม่ค่อยได้เห็นอาณาจักรเป็นรูปธรรมชัดเจนเสียเท่าไหร่
แต่สำหรับอาณาจักรขอมนั้นยิ่งใหญ่และเหลือร่องรอยทางวัฒนธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมในรูปของสิ่งปลูกสร้างและวัดจำนวนมาก ซึ่งกษัตริย์ในสมัยขอมนั้นยึดถือเทพเจ้าเป็นสรณ โดยเฉพาะเทพเจ้าทางฮินดู ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม หรือพระศิวเทพ ดังจะเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่กษัตริย์เขมรได้สร้างไว้เป็นเทวสถานบูชาเทพที่ตนนับถือไว้อย่างมากมาย
การเยือนเขมรให้ได้อรรถรสนั้น หากมีความรู้พื้นฐานเรื่องเทพและศาสนาฮินดู นอกจากจะทำให้คุณเป็นศูนย์กลางตลอดทั้งทริปแล้ว คุณยังจะได้เสพศิลปะอิ่มเอมไปกับภาพสลักและเทวสถานของอาณาจักรขอมได้อย่างลึกซึ้ง คุณจะเพลิดเพลินกับการหาพระรามและทศกัณฑ์ในภาพสลักกวนเกษียรสมุทร คุณจะเฝ้ามองหาอรชุนผู้กำลังง้างคันศรขึ้นปราบข้าศึก รวมไปถึงนึกใคร่สงสัยนับพระกรและพระพักตร์ของรูปสลักเหล่าเทวะต่าง ๆ แล้วเถียงกับเพื่อน ๆ กันว่าตกลงเทพที่อยู่เบื้องหน้าเป็นศิวเทพหรือพรหมเทพกันแน่ ภาพถ่ายที่คุณถ่ายแต่ละใบจะมีความหมายซ่อนอยู่เสมอ และไม่ได้เป็นเพียงภาพถ่ายที่มุมกล้องและแสงสวยแต่เพียงอย่างเดียว แต่กลับมีเรื่องราวหลากมิติในภาพถ่ายของคุณให้คุณได้เล่าอย่างไม่รู้เบื่อไปอีกนานถึงรุ่นหลานเลยทีเดียว
เสียมเรียบนั้นไม่ได้มีเฉพาะปราสาทนับร้อยที่เห็นในบริเวณเมืองเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวบริเวณรอบ ๆ เมืองอีกหลายที่ ทั้งปราสาทพนมบาเค็งที่อยู่บนยอดเขา น้ำตกพนมกุเลนที่น่าอัศจรรย์ ปราสาทบันทายศรีที่งดงามด้วยรายละเอียดที่แตกต่าง เนื่องจากเป็นเทวสถานที่ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ รวมถึงสายน้ำแห่งศรัทธากบาลสะเปียนที่ต้องเดินขึ้นเขาทั้งร้อนและชัน เพื่อไปถึงแหล่งต้นกำเนิดน้ำของแม่น้ำเสียมเรียบ การเดินทางต้องอาศัยความศรัทธาและต้อง “ อิน ” ในเรื่องราวของเทพพอสมควร มิฉะนั้นแล้วการเดินทางด้วยความยากลำบากที่แลกมาด้วยเหงื่อหลายลิตรและความเมื่อยล้าระดับมากเกินขีดจำกัดของคนหลาย ๆ คนนั้น อาจจะพบกับความผิดหวังได้ด้วยคำว่า “ เดินมาตั้งนาน มีแค่นี้เองหรือ เหนื่อยแทบตาย ไม่น่ามาเลย ”
สำหรับผู้ที่ “ อิน ” กับเรื่องราวของพิธีทางศาสนาและประวัติศาสตร์ขอมโบราณแล้ว การมาเยือนถึงแหล่งต้นกำเนิดของชีวิต ณ กบาลสะเปียนนั้นถือเป็นความตื่นเต้นระคนแปลกประหลาด ผสมกับความรู้สึกสุดยอดที่ได้เห็นภาพสลักศิวลึงค์นับพันองค์จารึกอยู่บนหินทั้งเหนือน้ำและใต้น้ำของสายธารขนาดไม่กว้างไปกว่า 10 เมตรในช่วงน้ำเยอะ ถ้าเป็นฤดูแล้งศิวลึงค์กว่าครึ่งจะอยู่เหนือน้ำให้เห็นลายสลักอย่างชัดเจน
การเดินขึ้นเขาที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่มากนั้นไม่ชิลเหมือนเดินริมหาด หรือเดินไปเที่ยวน้ำตกวังตระไคร้ที่มีบันไดปูนและฟันดินเป็นขั้น ๆ พร้อมราวเหล็กให้จับอยู่ตลอดทาง แต่เป็นทางลาดค่อย ๆ เพิ่มความชันจนถึงตั้งฉากสูงท่วมหัว ขนาดที่ต้องปีนรากไม้กันขึ้นไปเป็นช่วง ๆ ร้อนระอุขนาดที่บรรดาผู้ชายต้องถอดเสื้อเดินลุยป่าแบบไม่ต้องกลัวแมลงเพราะเหงื่อท่วมเปียกไปทั้งตัว แต่การเดินและเข้าถึงที่หมายที่ยากลำบากนี้กลับสร้างความประทับใจเมื่อนึกถึงเสมอ
ศิวลึงค์ประทับจารึกอยู่แทบจะทุกที่ที่มีแผ่นหินหน้าเรียบ (ซึ่งก็เกือบจะทั้งหมด) ตามความเชื่อที่ว่าน้ำที่ไหลผ่านศิวลึงค์ของศิวเทพ แล้วไหลผ่านลงสู่โยนีศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อให้เกิดชีวิต รวมถึงความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งกษัตริย์และประชาชนสามารถใช้ดื่มกินและเป็นยารักษาโรคได้ ศิวลึงค์นับพันองค์จึงเรียงราย สลับกับรูปจำหลักของพระนารายณ์เป็นระยะ ๆ ตลอดระยะทางร่วม 1 กิโลเมตร การไปเยือนถึงจุดต้นกำเนิดในบรรยากาศที่เงียบสงัดของป่า ได้ยินแต่เสียงน้ำในลำธารไหลเอื่อย ภายใต้แสงแดดสลัวเพราะไม่อาจแทงทะลุมาถึงพื้นดินได้ สร้างความเย็นยะเยือกให้ร่างกายภายนอกและจิตใจภายในของผู้มาเยือนได้อย่างเหนือคำบรรยาย
การเดินทางออกจากตัวเมืองเสียมเรียบใช้เส้นทางที่มุ่งออกจากนครวัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างราว 30 นาที ก็จะถึง ค่าเข้าชมไม่ต้องเสียเพิ่ม สามารถใช้บัตรเยี่ยมชมปราสาทได้เลย สามารถเดินขึ้นได้เองไม่ต้องอาศัยคนนำทาง เพราะเป็นป่าสูงและมีทางให้เดินทางเดียว ให้เผื่อเวลาสำหรับเดินเท้าขึ้นเขาไปและกลับสัก 3 ถึง 4 ชั่วโมงกำลังเหมาะ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีความเป็นนักเดินทางและนักผจญภัยอยู่ในตัวแล้ว “ กบาลสะเปียน สายน้ำแห่งหนึ่งพันศิวลึงค์ ” เป็นที่ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง