ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงกังวลสงครามการค้า
SCB CIO Office วิเคราะห์ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงนำโดยตลาดหุ้นจีนหลังนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับลดลง เนื่องจาก นักลงทุนกลับมากังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ขณะที่ผู้แทนการค้าของจีนมีกำหนดเดินทางไปเจรจาการค้าที่สหรัฐฯ สัปดาห์นี้เช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหลังนักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านราคาน้ำมันปรับลดลงจากสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น
คณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และ 8 พ.ค.นี้ คณะเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางมาที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเจรจาฯรอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศว่า จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีอัตรา 25% ในอีกไม่ช้า โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้แสดงความไม่พอใจที่การเจรจาการค้าคืบหน้าช้าเกินไป ขณะที่นายโรเบิร์ต ไลท์ ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ยืนยันการจะเก็บภาษีวันศุกร์นี้เช่นกัน ซึ่งเราคาดว่าประเด็นสงครามการค้าจะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดอีกครั้ง
เราคาดว่าในวันที่ 8 พ.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) อยู่ที่ 1.75% ตามเดิม เนื่องจาก ยังไม่มีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือน มี.ค.ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับการที่ Fed ส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้เช่นกัน
นักลงทุนรอติดตาม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบเขต 350 เขต และระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน ในวันที่ 7 และ 8 พ.ค.นี้ ตามลำดับ จากนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดนำรายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ขึ้นกราบบังคมทูล ภายใน 10 พ.ค.นี้ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป
สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจาก ประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่มีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เป็น 25% โดยเฉพาะ หากจีนออกมาตรการตอบโต้กลับสหรัฐฯ หรือ การเจรจาการค้าที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดหวังต่อผลการเจรจาการค้า รวมทั้งการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่าง ประธานาธิบดี ทรัมป์ และ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับปัจจัยกดดันจาก การปรับลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ และ การประกาศผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 1/2562 สำหรับ ตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ เรายังคงให้น้ำหนักกับประเด็นการเมืองในประเทศอย่างมาก เนื่องจาก การเมืองที่ชัดเจนขึ้นในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น