ศุภาลัยบุกออสเตรเลียผุดโครงการอสังหาฯ
“บมจ.ศุภาลัย” ขยายการลงทุนในประเทศออสเตรเลียต่อเนื่องในโครงการ Balmoral Quay เป็นเฟสที่ 5 มูลค่าโครงการกว่า1,248.41 ล้านบาทหลังโครงการในเฟสที่ 4 ได้รับผลตอบรับที่ดี สร้างยอดขายแล้ว 1,088 ล้านบาท
ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียแล้ว จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า63,000 ล้านบาท หลังจากเปิดขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีและมียอดขายกว่า 1,088ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) นั้น เป็นโครงการที่บริษัทฯขยายการลงทุนมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 4 เฟส มีผลิตภัณฑ์ทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมรวม 105 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 2,917.35 ล้านบาท ท่าจอดเรือ 30 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 95 ล้านบาท
โครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เป็นโครงการที่บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ให้เป็นสถานที่ของชุมชนเมือง Geelong ติดริมน้ำ North Geelong โดยพื้นที่โครงการสามารถเชื่อมโยงเขตชายฝั่ง Geelong ตั้งแต่ Limeburner ‘s Point ไปจนถึง Rippleside Workshops เป็นทำเลที่เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่อาศัยในเมืองหรือการอยู่อาศัยติดริมน้ำ รวมทั้งการวางผังโครงการและอาคารที่คำนึงถึงการใช้งานอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด แรงบันดาลใจการออกแบบภายใต้แนวคิด “Life at the water ’s edge” ทำเลนี้ เคยเป็นท่าเทียบเรือและลานชักลากเรือเก่า ซึ่งมีความสำคัญทางการค้าและการสัญจรไปมาของผู้โดยสารระหว่างประเทศ
สำหรับเฟสที่ 1 ได้ส่งมอบให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เฟสที่ 2 ขายหมดเรียบร้อยแล้วและดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70% และเฟสที่ 3 – 4 จำนวน 62 ยูนิตจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2563
สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เฟสที่ 3 – 4 มูลค่ารวมประมาณ 1,828ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 44 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14.5ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จำนวน 18 ยูนิต ขนาด 1 – 3 ห้องนอน 68 – 317ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.5ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงเปิดโครงการเฟสที่ 3 – 4 สำหรับทาวน์โฮม ประมาณ 80-90% และคอนโดมิเนียม ประมาณ 50%
อีกทั้ง ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มากในเมือง Geelong บริษัทฯ จึงได้ลงทุนพัฒนาโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) ต่อเนื่องในเฟสที่ 5 โดยมีจุดเด่นทั้งทำเลและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากเฟสอื่นๆในโครงการ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน 55 – 112 ตร.ม. มูลค่ารวมประมาณ 1,248ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดพื้นที่ชุมชนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย รูปแบบอาคาร ออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิประเทศและสวนสาธารณะที่อยู่ข้างเคียง โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2565.