เที่ยวปางอุ๋ง สัมผัสสีสันสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย
ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับความเงียบสงบแนวกระทบไหล่ธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนปรารถนา
ซึ่งนับว่าวิถีชีวิตแบบนี้สวนทางกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันและหาไม่ได้ง่ายๆ เลยโดยสถานที่หนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ทุกคนคงหนีไม่พ้นปางอุ๋งแห่งนี้แน่นอน มนต์เสน่ห์ของปางอุ๋งที่ชวนประทับใจมีอะไรกันบ้าง และมีแหล่งท่องเที่ยวไหนบ้างที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะแวะเยือนเมื่อมาถึงปางอุ๋งแห่งนี้
1.เส้นทางสายธรรมชาติสู่ปางอุ๋ง: หากนักท่องเที่ยวเริ่มออกเดินทางจากปายไปยังปางอุ๋ง โดยขับรถยนต์ไป จะใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น และเส้นทางจะผ่านถนนที่ลัดเลาะไปตามภูเขาต่าง ๆ ที่แม้เส้นทางจะมีความคดเคี้ยวและเป็นทางโค้งสวยงามไปตลอดทั้งเส้น แต่ก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถยนต์รับจ้างของผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญในเส้นทางจะดีกว่า
2.เที่ยวปางอุ๋ง ชื่นชมโครงการในพระราชดำริ: ปางอุ๋งมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าอ่างเก็บน้ำปางตอง โดยเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณความจุน้ำมาก รูปทรงของอ่างเก็บน้ำนั้น หากมองเผิน ๆ จะคล้ายกับตัวอักษรแอลในภาษาอังกฤษ ปางอุ๋งตั้งอยู่บนพื้นที่สูง โดยด้านปลายจะมีน้ำไหลออกไปที่ห้วยที่ชื่อว่าห้วยมะเขือส้ม ปางอุ๋งเป็นผลพวงจากโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกแห่งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมุ่งหวังลดการทำไร่เลื่อนลอยและตัดไม้ทำลายป่า รวมไปถึงเลิกการปลูกพืชที่เป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด ทั้งนี้ การสร้างอาชีพจะทำให้ชาวเขาได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหนึ่งในการสร้างอาชีพก็คือการสร้างอ่างเก็บน้ำเป็นอันดับแรกนั่นเอง
3.สัมผัสธรรมชาติปางอุ๋ง อบอวลชวนฝันกับสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย: เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนปางอุ๋ง จะสัมผัสได้ถึงบริเวณโดยรอบของปางอุ๋งที่มีแนวต้นสนและหมอกจาง ๆ ในยามเช้าลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือผิวน้ำที่เรียบสงบ เหมาะสำหรับพักผ่อนในช่วงวันหยุดและเก็บภาพความประทับใจ นอกจากหมอกสีขาวสวยงามสบายตาแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับหงส์ขาวหลาย ๆ คู่ที่พากันออกมาว่ายน้ำซึมซับบรรยากาศจากธรรมชาติ เพิ่มความหลงใหลให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไม่ต่างจากการได้เที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในไทยที่ชาวไทยอย่างเราสามารถสัมผัสได้ เพียงเอื้อมมือคว้า
4.ตราตรึงไปกับศาลาประทับทรงงาน และดอกซากุระเมืองไทยที่ปางอุ๋ง: ศาลาแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 โดยกรมป่าไม้ได้สร้างเพื่อเป็นที่ทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เมื่อทั้ง 2 พระองค์ได้ทรงงานที่อาคารแห่งนี้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 และยังได้ทรงปลูกดอกซากุระเมืองไทย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อดอกนางพญาเสือโคร่งไว้ที่ด้านหลังของอาคาร รวมไปถึงปล่อยหงส์ขาวและหงส์ดำที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ด้วย
5.สนุกไปกับกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ที่ปางอุ๋ง: สำหรับกิจกรรมห้ามพลาด หากนักท่องเที่ยวได้มาเยือนที่ปางอุ๋งแห่งนี้ก็
คือการล่องแพไม้ไผ่ โดยจะมีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งเป็นฉากหลังอยู่ข้างกาย ซึ่งแพไม้ไผ่ที่นิยมนำมาใช้จะสามารถรับน้ำหนักได้ทั้งหมด 3 คน และจะมีเสื้อชูชีพไว้ให้กับนักท่องเที่ยว สำหรับคิดค่าบริการจะอยู่ที่ลำละ 150 บาท ความพิเศษของการนั่งแพไม้ไผ่ที่ปางอุ๋งนี้คือการได้ชมวิวทิวสนที่แวดล้อมทะเลสาบ อีกทั้ง หากโชคดี นักท่องเที่ยวก็จะได้มาถ่ายรูปคู่กับดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งสีชมพูสวยเต็มป่าสน ที่สำคัญ กิจกรรมล่องแพถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้ใกล้ชิดกับหงส์ขาวและหงส์ดำที่ว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบด้วย
6.อิงไหล่ธรรมชาติ พักค้างแรมที่ปางอุ๋ง: นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกของปางอุ๋งอย่างสุดประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนของที่นี่จะมีอากาศหนาวกว่าปกติ และจะหนาวจัดยิ่งขึ้นในช่วงเช้ามืด สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในช่วงหน้าหนาวจำเป็นต้องสำรองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากที่พักมีจำนวนจำกัด เช่น ที่พักเกสท์เฮ้าส์ติดทะเลสาบ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับกับกระท่อมหลังคามุงใบไผ่สาน ที่มีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 10 หลังเท่านั้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการเข้าพัก นักท่องเที่ยวต้องจองล่วงหน้าที่ศูนย์ศิลปาชีพก่อน
7.ห่มอากาศธรรมชาติ กางเต้นท์ริมทะเลสาบที่ปางอุ๋ง: สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สามารถเลือกกางเต้นท์นอนบริเวณริมทะเลสาบ ซึ่งรองรับจำนวนเต้นท์ได้สูงสุด 100 เต้นท์ โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการกางเต้นท์ควรติดต่อมาที่ศูนย์ศิลปาชีพก่อนเที่ยงวัน และทางศูนย์จะเตรียมเต้นท์ไว้ให้หรือหากจะนำเต้นท์มากางเองก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญ นักท่องเที่ยวควรนำผ้าห่มติดมาด้วย เนื่องจากอากาศหนาวเย็นมากในช่วงเวลากลางคืน
8.อิงแอบวิถีไทย ค้างคืนที่หมู่บ้านรักไทย: หมู่บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบสวยสดงดงามราวกับสรวงสวรรค์ มองเห็นสายหมอกลอยอ้อยอิ่งรอบ ๆ บริเวณหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับชายแดนไทยและพม่า โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไประมาณ 44 กิโลเมตร ชาวบ้านเป็นชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงที่คอมมิวนิสต์เริ่มแพร่หลายเข้ามาในประเทศจีน เมื่อมาเยือนที่หมู่บ้านแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารการกินแบบจีนยูนนาน ซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกสร้างขึ้นมาจากดิน ที่สำคัญ นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกซื้อของฝากอย่างใบชาต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอมเลืองชื่อได้อีกด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศราวกับอยู่ต่างประเทศ แต่ได้กลิ่นอายวัฒนธรรมความสงบแบบไทย ๆ ปางอุ๋งคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์และลงตัวมากที่สุด อีกทั้ง ยังเท่ากับเป็นการอุดหนุนการท่องเที่ยวประเทศไทยและช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น หากปลายปีนี้ ยังไม่รู้จะไปสัมผัสธรรมชาติที่ไหน ลองแวะมาเยือนปางอุ๋งสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ