สรรพากรนำทีม 20 แบงก์ อุ้ม “คนดี-บัญชีเดียว”
สรรพากรผนึก “สมาคมแบงก์ – บสย. – 20 สถาบันการเงิน” สร้างสังคมธุรกิจที่เป็นธรรม ผ่านระบบบัญชีเดียว ผุดเคมเปญ “SMEs โปรดี บัญชีเดียว” อัดสิทธิประโยชน์เพียบ “กู้ง่าย – ดอกต่ำ – ฟรีธรรมเนียมค้ำประกัน – รับคืนภาษีเร็ว” ตั้งเป้าขยับยอด “คนดี” จาก 2.4 หมื่นราย เป็นให้มากที่สุด เผย “คนไม่ดี” รอรับ “เกมรุก” จากเทคโนโลยีใหม่ของสรรพากรได้เลย
“2 งานใหญ่” ในรอบ 5 วัน หลังจากกรมสรรพากร ร่วมกับพันธมิตรฯ เพิ่งเปิดตัวการนำระบบ “บล็อกเชน” มาใช้เพื่อคืนภาษีให้แก่นักท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชั่น “Thailand VRT” ครั้งแรกของโลก ไปเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้ (21 ม.ค.2563) กรมสรรพากร ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารของรัฐและเอกชน 20 ราย ออกเคมเปญ “SMEs โปรดี บัญชีเดียว” ให้สิทธิประโยชน์พิเศษทางการเงินกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำบัญชีชุดเดียว และปรับปรุงงบการเงินตามเงื่อนไข เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ
ทั้งนี้ เป้าหมายที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร พูดระหว่างพิธีลงนามฯ ไม่เพียงช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำงบการเงินและระบบบัญชีเดียว ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายและเร็วขึ้น แถมยังได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงเหลือเพียง 5% ตลอด 2 ปีแรก โดยผู้ประกอบการ SMEs สามารถติดต่อขอสินเชื่อกับธนาคารที่สะดวก ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563
หากแต่กรมสรรพากรยังจะตรวจสอบเข้มข้น เชิงรุก! เอากับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่จงใจหลีกเลี่ยงภาษี ผ่านการจัดทำหลายบัญชี โดยไม่ขอ “ตั้งรับ” อีกต่อไป เหตุเพราะต้องการสร้างความเป็นธรรมแก่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่จัดทำบัญชีเดียว และยื่นเสียภาษีถูกต้อง
ขณะที่ บสย. ในฐานะ “คนค้ำประกันฯ” นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กก.และผจก.ทั่วไปฯ ยืนยันว่า…จะมอบสิทธิพิเศษ กล่าวคือ ฟรี! ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อใน 2 ปีแรกเช่นกัน และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการตลอดปี 2563 ภายใต้เงื่อนไขที่ บสย. กำหนด สำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารพันธมิตรทุกแห่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจและของขวัญให้กับกลุ่ม SMEs ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้
นอกจากนี้ ในปีที่ 3 เป็นต้นไป ยังลดค่าธรรมเนียมที่ปกติจัดเก็บ 1.75% เหลือเพียง 1.0% เท่านั้น
ทั้งนี้ หากดูข้อมูลที่ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้ไว้…น่าสนใจไม่น้อย นั่นเพราะ ตัวเลขผู้ประกอบการ SMEs ทั้งระบบ มีมากกว่า 3 ล้านราย คิดเป็น 99.8% ของวิสาหกิจทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีการจ้างงานมากถึง 13 ล้านคน โดยมีสัดส่วนต่อจีดีพีมากถึง 43%
แน่นอนว่า ผู้ประกอบการ SMEs ย่อมมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
และนั่นจึงนำมาสู่การร่วมกันผลักดันโครงการ “SME โปรดี บัญชีเดียว” เป้าหมายส่วนนี้ คือ การเพิ่มยอดผู้เข้าร่วมโครงการฯ จากปัจจุบันที่มีผู้ประกอบการ SMEs ยื่นขอเข้าร่วมโครงการฯเกือบ 8 หมื่นราย แต่ขั้นแรก พบว่า…มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ของกรมสรรพากรเพียง 2.4 หมื่นราย นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ โดยเร็ว
“ก่อนหน้านี้ มีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 4 แสนรายที่แสดงความจำนงจะเข้าร่วมโครงการในลักษณะนี้ แต่นั่นเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และยังเป็นกฎหมายฉบับเก่า ซึ่งคงไม่นับรวมกับ 7.9 หมื่นรายที่ยื่นเสนอตามกฎหมายฉบับใหม่ โดยในกลุ่มใหม่นี้ มีบางรายที่ขาดคุณสมบัติ เพราะมีสินทรัพย์เกิน 500 ล้านบาท จึงไม่อยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงบางกลุ่มที่ขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรและพันธมิตร 20 สถาบันการเงิน จะพยายามเชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้เข้าร่วมโครงการฯให้มากที่สุด และทำให้ “คนดี” กลุ่มนี้ ได้รับสิทธิประโยชน์ ภายใต้ความเป็นธรรมมากที่สุด” อธิบดีกรมสรรพากร ย้ำและว่า
การมีบัญชีชุดเดียว รวมถึงปรับปรุงงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ไม่เพียงทำให้ผู้ประกอบการ SMEs รับรู้สถานะที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อการวางแผนการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย เร็ว และเต็มวงเงินที่ต้องการ หากยังมีส่วนช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เข็มแข็ง อีกทั้ง ยังทำให้กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ตามที่ควรจะเป็นอีกด้วย
ทั้งนี้ แม้จะมีผู้ประกอบการ SMEs บางราย ไม่คิดจะปรับเปลี่ยนตัวเอง และยังคงทำระบบบัญชีหลายชุด แต่กรมสรรพากรเอง ก็มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็น “คนดี” หรือ “คนไม่ดี” ซึ่ง “คนดี” จะได้รับการคืนภาษีที่รวดเร็ว ไม่เกิน 3 วันทำการ และได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ข้างต้น
ขณะที่ “คนไม่ดี” ไม่เพียงอาจไม่ได้รับสินเชื่อเลย หรือได้รับแต่ไม่เต็มวงเงินที่ต้องการ แถมล่าช้า เพราะสถาบันการเงินต้นทางจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หากยังอาจถูกสุ่มตรวจจากกรมสรรพากรในแบบเข้มข้น กระทั่ง ถูกขึ้น “บัญชีดำ” และถูกดำเนินการตามกฎหมายได้
จากนี้ น่าสนใจว่า “แนวคิด” ติดสัญลักษณ์ “คนดี” ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่จัดทำบัญชีเดียวและยื่นเสียภาษีถูกต้อง จะเกิดขึ้นกับกรมสรรพากร ยุค นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส หรือไม่?
เอาให้เหมือนกับ กฟผ.ติดสลาก “เบอร์ 5” ให้กับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดไฟ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ถึงตอนนั้น AEC10NEWS ก็อยากรู้เหมือนกันว่า…ยังจะมี ผู้ประกอบการ SMEs หน้าไหน? ที่กล้าทำหลายบัญชี เพื่อหนีภาษีกันอีกบ้าง?.