ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่ง หลุด 58 USD
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุด เวสต์เท็กซัส ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 64.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ผ่านมา หลังตัวเลขน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
วันนี้ (16 ม.ค.63) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงาน บทวิเคราะห์ธุรกิจพลังงาน โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดตลาด เมื่อคืนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 49 เซ็นต์ ปิดที่ 64.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 หลังได้รับแรงกดดันปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
ขณะที่ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผย ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดต้นแต่เดือนกันยายน 2560
ทั้งนี้ตลาดคลายความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังทั้งสองประเทศตกลงเซ็นสัญญาการค้าเฟสแรก โดยประเทศจีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้น 200 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเวลา 2 ปี โดยแบ่งเป็นการนำเข้าสินค้าพลังงานมูลค่า 18.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ และ 33.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีหน้า ทั้งนี้คาดว่าข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ 30วันหลังจากที่มีการตกลงกัน ซึ่ง นักวิเคราะห์ คาดว่าข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ด้านราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงงกดดันจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินโดนิเซียที่ปรับตัวลดลงจากเหตุการณ์น้ำท่วม นอกจากนี้ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนิเซียยังต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการเลื่อนปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในประเทศ
เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังยังได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจาก ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อผสมในน้ำมันเดินเรือที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้น.