“พิซซ่าอาหม่วย” ความอร่อยที่จับต้องได้
ประเทศไทยถือว่าเป็นดินแดนสวรรค์ของผู้ชื่นชอบอาหารการกิน เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน หรือซอกมุมไหนของพื้นที่ก็สามารถหาอาหารรับประทานได้ตลอดเวลา ที่สำคัญรสชาติยังอร่อยแทบทุกเมนู อีกทั้งยังมีให้เลือกแบบหลากหลายสัญชาติ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภค
อาหารสัญชาติอิตาเลียนอย่างพิซซ่าก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้บริโภคชาวไทย และจากต่างประเทศ “วรนิษฐ์ โภคินมณีโรจน์” คือหญิงสาวที่เลือกหยิบจับเมนูดังกล่าวขึ้นมา เพื่อ Startup ธุรกิจให้กับตัวเธอเอง โดยใช้ชื่อแบรนด์สุดเก๋ว่า “พิซซ่าอาหม่วย”
–จากความชอบสู่ธุรกิจ
วรนิษฐ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีโกลด์เบเกอร์รี่ จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ “พิซซ่าอาหม่วย” ว่า เดิมทีที่บ้านของตัวเธอเองทำเกี่ยวกับเบเกอร์รี่อยู่แล้ว และตัวเธอเองก็ชอบทดลองทำอะไรไปเรื่อย บวกกับเป็นผู้ที่ชื่นชอบรับประทานพิซซ่า จึงทดลองทำเพื่อรับประทาน ปรากฏว่ามีรสชาติที่อร่อยมาก ดังนั้น ตัวเธอจึงตัดสินใจทำพิซซ่าเพื่อจำหน่ายเลยตั้งแต่วันนั้น และเปิดให้บริการในรูปแบบแฟรนไชน์ด้วยเลย เนื่องจากผู้ที่มาซื้อไปรับประทานทั้ง 100% จะกลับมาซื้อซ้ำ
ทั้งนี้ ยังมีผู้ที่ให้ความสนใจและสอบถามอยู่เสมอว่าจะมีการเปิดสอนบ้างหรือไม่ ตัวเธอจึงไม่รอช้าที่จะเปิดเป็นแฟรนไชน์ ทั้งที่ในตอนนั้นตัวเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชน์ทำอย่างไร และต้องต้องดำเนินการอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2557 ตัวเธอเองได้มีโอกาสไปเรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชน์เพิ่มเติม เมื่อเรียนตบเธอจึงเริ่มดำเนินการปรับปรุง และพัฒนาธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวให้เป็นระบบมากขึ้น จากเดิมที่ผู้ใดมาขอร่วมทำธุรกิจแฟรนไชน์แต่ไม่ต้องการใช้ชื่อแบรนด์อาหม่วย โดยนำไปเป็นชื่อต่อท้ายของแบรนด์ผู้นั้นก็ได้ ซึ่งในช่วงหลังได้มีการจัดการให้เป็นระบบ และในปี 2559 ก็ได้ใบประกาศรับรองมาตรฐานแฟรนไชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันมีสาขาแฟรนไชน์เปิดให้บริการแล้ว 39 สาขา หากรวมร้านของตนที่ทำเอง ณ ช่วงถนนเพชรเกษม 48 ก็เป็นทั้งหมด 40 สาขาทั่วประเทศ
“เดิมทีมีชื่อแบรนด์ว่าพิซซ่าอาหมวย แต่ที่ต้องเป็นพิซซ่าอาหม่วย ก็เพราะเป็นไปตามการคำนวณตัวเลขจากชื่อตามลักโหรศาสตร์ โดยชื่อเดิมคำนวณแล้วได้ตัวเลขที่ 58 ถ้าต้องการให้ได้ตัวเลข 59 จะต้องเติมเลข 1 ลงไปเพิ่มเติม ดังนั้น จึงเลือกที่จะใส่สระไม้เอกซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเลข 1 ลงไป จนกลายเป็นแบรนด์พิซซ่าอาหม่วยในที่สุด”
–ถูกและดี อร่อยทุกเวลา
วรนิษฐ์ บอกต่อไปอีกว่า จุดเด่นของ “พิซซ่าอาหม่วย” อยู่ที่การเป็นอาหารที่ถูกและดี รับประทานเมื่อไหร่ก็อร่อย โดยเป็นคำนิยามที่ได้มาจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะบอกว่าพิซซ่าอาหม่วยจำหน่ายในราคาไม่แพง แต่ใช้วัตถุดิบที่นำมาทำเป็นเครื่องบนหน้าพิซซ่าแบบชั้นดี นอกจากนี้ยังมีรสชาติที่อร่อยแม้ว่าจะไม่ได้รับประทานทันทีในขณะที่ยังร้อนอยู่ ซึ่งจะแตกต่างจากร้านทั่วไปที่จะอร่อยเฉพาะเวลาที่รับประทานแบบตอนปรุงเสร็จใหม่ๆ นอกจากนี้ในส่วนของตัวแป้งยังมีความกรอบนอก นุ่มใน และมีความหนึบให้ความรู้สึกของการรับประทานพิซซ่าอย่างแท้จริง
ด้านกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าในปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการเข้าร่วมโครงการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ที่ร่วมมือกับธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้ชื่อโครงการแฟรนไชน์เพื่อผู้มีรายได้น้อย โดยบริษัทจะมีโอกาสได้ไปออกงานแสงดสินค้าร่วมกับกรมใน 20 จังหวัด ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้การขยายสาขาแฟรนไชน์เพิ่มได้อีก 20 สาขา หรือ 1 จังหวัด 1 สาขา รวมทั้งหมดเป็น 60 สาขาในปีนี้
“จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ยอดรายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30% หรือทำให้มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบาทในปีนี้ จากเดิมที่มีรายได้อยู่ที่ 10 ล้านบาทในปี 60 ที่ผ่านมา โดยอาจจะเป็นยอดการเติบโตที่มากเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนัก หากทำธุรกิจแล้วไม่ขาดทุนก็ต้องถือว่าดีที่สุดแล้ว”
–มีหน้าให้เลือกหลากหลาย
วรนิษฐ์ บอกอีกว่า ปัจจุบันพิซซ่าอาหม่วยมีให้เลือกทั้งหมด 12 หน้า ประกอบด้วย ฮาวายเอี้ยน ,ปูอัดไอซ์แลนด์ ,ซีฟู้ด ,โฟร์ชีส ,ผักโขมชีส ,ต้มยำกุ้ง ,ไส้กรอกเวียนนา ,แฮมชีส ,ทูน่าเลิฟเวอร์ ,ชีสเชลล์ และมิกซ์สเปเชียล เป็นต้น โดยมีทั้งหมด 4 ขนาด (Size)
“ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีเดเวลลอปเม้นท์แบงก์ (SME Development Bank)มีส่วนในการช่วยเสริมสร้างความรู้ให้พอกพูนมากขึ้น จากหลักสูตรที่ได้ไปร่วมมือกับทางกระทรวงอุตสาหกรรม ,กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อีกทั้งยังช่วยในการนำพาแบรนด์ไปออกงานแสดงสินค้าต่างๆ ซึ่งทำให้มีโอกาสได้พบกับลูกค้าโดยตรง สามารถเพิ่มยอดขายให้ในทันที และยังได้พบกับผู้ที่สนใจจะร่วมทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชน์อีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท โดยขั้นตอนปัจจุบันได้รับการอนุมัติสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ตามโครงการประชารัฐ เหลือเพียงรอเงินสินเชื่อที่จะมาถึงบริษัทเท่านั้น”
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น วรนิษฐ์ บอกว่า อยู่ที่แนวคิดในการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาใช้ในการทำพิซซ่า โดยคิดเสมือนว่ากำลังทำให้คนในครอบครัวรับประทาน อีกทั้งยังมีราคาที่ย่อมเยา ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับบน ทำให้สามารถมีวันพิเศษได้ทุกวันในการรับประทานพิซซ่า นอกจากนี้ ตัวเธอเองยังถูกเรียกว่ามนุษย์ 100 อาชีพ เพราะทำมาแล้วอย่างหลากหลาย แต่ก็ต้องยกเลิกเพราะอาชีพยังไม่ตอบโจทย์ตามแนวทางของตัวเธอเอง ซึ่งประกอบไปด้วย 1.ต้องเลี้ยงตนเองได้ ,2.ต้องเลี้ยงครอบครัวได้ ,3.ต้องช่วยเหลือสังคมได้ และ 4.ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หากไม่ตอบโจทย์ทั้ง 4 ข้อเธอก็จะไม่ทำ