ทรัมป์แพ้ในศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ยกคำร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่จะขอนำคำสั่งห้าม 7 ประเทศมุสลิมกลับมาบังคับใช้อีกครั้ง
โดยศาลอุทธรณ์ภาค 9 แห่งสหรัฐฯ มีคำตัดสินยืนตามคำพิพากษาของศาลแขวงเดิมที่ให้ยุติคำสั่งห้าม 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์
ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ด้วยการทวีตข้อความอย่างโกรธเกรี้ยวว่า ความมั่นคงของประเทศกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงและเขาจะต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป
คำวินิจฉัยอย่างเป็นเอกฉันท์ขององค์คณะผู้พิพากษา 3 ท่านตัดสินว่า รัฐบาลไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า จำเป็นต้องมีคำสั่งห้ามนี้เพื่อเป็นการป้องกันการก่อการร้าย ซึ่งหมายความว่าพลเมืองจากอิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมนที่มีวีซ่าสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ และผู้ลี้ภัยจากทั่วโลก ซึ่งอยู่ในคำสั่งแบนนี้ด้วยจะไม่ถูกห้ามและกีดกันอีก
กรณีนี้น่าจะต้องไปต่อสู้กันและจบลงที่ศาลสูงสุด คือ ศาลสูงของสหรัฐฯ
ทางกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นตัวแทนในการยื่นฟ้องต่อศาลอุทธรณ์ในนามของทำเนียบขาวแถลงว่า กำลังมีการทบทวนและพิจารณาทางเลือกต่อไป
ส่วนอัยการประจำรัฐวอชิงตันบ๊อบ เฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคำสั่งนี้กล่าวว่า เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของรัฐวอชิงตัน
นายบิล บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กกล่าวว่า “ ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในสหรัฐอเมริกา เราจะปกป้องเพื่อนบ้านของเรา ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากที่ไหน หรือเมื่อไรที่เขามา และนั่นเป็นคุณค่าของเรา ”
ที่ผ่านมา คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ในการแบน 7 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยเป้นการชั่วคราวที่เกิดขึ้นปลายสัปดาห์แรกที่เขาเข้าทำงานในทำเนียบขาว ทำให้มีการประท้วงและความสับสนไปทั่วเนื่องจากนักเดินทางถูกกักตัวที่พรมแดนสหรัฐฯ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผู้พิพากษาศาลแขวงในซีแอทเทิลมีคำตัดสินว่า ให้ระงับคำสั่งห้ามของประธานาธิบดีทรัมป์นี้ หลังจากรัฐวอชิงตันและมินเนโซตายื่นฟ้องมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 ในซานฟรานซิสโก ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้ตัดสินบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญหรือสาระสำคัญของคดี เพียงแต่เป็นการตอบคำถามในการขอคืนสิทธิของคำสั่งประธานาธิบดีเท่านั้น.