ธอส.อัดเงินหมื่นล้านอุ้มคนรายได้น้อย
ธอส.ขานรับมาตรการรัฐบาลเตรียมเงิน 10,000 ล้านบาท ช่วยคนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง เพิ่มสัดส่วนความสามารถในการชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) สูงสุดถึง 50%ของรายได้สุทธิต่อเดือน เสนออัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 3.50% สำหรับผู้มีรายได้สุทธิต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท หรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท และสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี ติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.2558
นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้เตรียมวงเงิน 10,000 ล้านบาท จัดทำ “มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง” โดยให้กู้สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือนหรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาทธนาคารจะใช้เงื่อนไขผ่อนปรนในการพิจารณา สัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มเป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 3.50% ต่อปี ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี ปีที่ 3 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR–1.00% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) วัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด และเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี
“มาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ที่มีวินัยการเงินดีให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.58 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประ เทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจำนองอยู่ที่ 1% มาอยู่ที่ 0.01% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึง 30 เม.ย.2559 โดยคาดว่า รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.58 – 31 ธ.ค.59 และยังให้สิทธิ์ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 20% ของมูลค่าบ้านที่ซื้อ เป็นเวลา 5 ปี มีผลถึง 31 ธ.ค.59 โดยคาดว่า รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ 1,000 ล้านบาท รวมแล้ว รัฐบาลสูญเสียรายได้ 16,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมครม. เห็นชอบให้ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 20 ที่จะสิ้นสุดการลดหย่อนถึงสิ้นปีนี้ ให้เป็นการถาวร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติ ที่ถึงแม้ว่าภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยหากปรับลดแล้ว จะยังสูงกว่าประเทศอื่นในเอเชียก็ตาม และ ครม. ยังอนุมัติมาตรการภาษีช่วยกิจการร่วมลงทุน หรือ เวนเจอร์แคปปิตอล โดยยกเว้นยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นเวลา 10 ปี จากปัจจุบันเสียอยู่ที่ร้อยละ 20 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการร่วมลงทุนของภาคธุรกิจมากขึ้น