เฟซบุ๊กลบ 21 ล้านภาพเปลือยใน 3 เดือน
เทคโนโลยีของเฟซบุ๊กดีพอจะขจัดสื่อลามกและสื่อที่มีความรุนแรง แต่ยังไม่ดีพอที่จะทำลายข้อความสร้างความเกลียดชัง
รายงานด้านกฎข้อบังคับเพื่อการอยู่ร่วมกันเล่มแรกของทางเฟซบุ๊กระบุว่า ได้มีการกำจัดสื่อลามกผู้ใหญ่กว่า 21 ล้านชิ้นออกจากโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนของปีนี้
ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุจำนวนว่ามีคอนเทนต์ที่ถูกกำจัดออกเนื่องจากการละเมิดมาตรฐานของเว็บไซต์ทั้งหมดเท่าไรสำหรับกฎบังคับใช้มีผลระหว่าง ต.ค.2560 จนถึง มี.ค.2561 โดยรวมหมวดหมู่ไว้ทั้งหมด 6 หมวดหมู่ ได้แก่ ภาพความรุนแรง สื่อลามกผู้ใหญ่และภาพกิจกรรมทางเพศ การโฆษณาจูงใจของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ข้อความสร้างความเกลียดชัง สแปม และบัญชีผู้ใช้ปลอม
ทางบริษัทเฟซบุ๊กได้ประเมินว่า ทุก ๆ 10,000 คอนเทนต์ที่พบได้บนเว็บไซต์ จะมีสื่อที่ละเมิดมาตรฐานอย่างเช่นสื่อลามกหรือภาพเปลือยผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 7-9 คอนเทนต์
เทคโนโลยีภายในของเฟซบุ๊กสามารถระบุภาพเปลือยผู้ใหญ่หรือคอนเทนต์ทางเพศได้แม่นยำถึง 96% ก่อนที่ผู้ใช้งานจะรายงานให้ทางเฟซบุ๊กทราบ
แต่การกำจัดคอนเทนต์ส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กจะมุ่งเป้าไปที่สแปมและบัญชีปลอมที่ทำการโปรโมทสแปมต่าง ๆ โดยในไตรมาสแรก เฟซบุ๊กได้ระงับบัญชีปลอมมากถึง 583 ล้านบัญชี และทำการกำจัดสแปมได้ทั้งหมด 837 ล้านชิ้น
ทางเฟซบุ๊กยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเมื่อต้องจัดการกำจัดข้อความสร้างความเกลียดชัง โดยในระยะเวลาเดียวกันเฟซบุ๊กสามารถกำจัดข้อความที่สร้างความเกลียดชังได้ทั้งหมด 2.5 ล้านข้อความ ซึ่งถือเป็น 38% เท่านั้นที่อัลกอริธึมของเฟซบุ๊กจะสามารถระบุได้เองโดยอัตโนมัติ
กาย โรเซน รองประธานผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ระบุผ่านโพสต์ในบล็อกว่า “ สำหรับข้อความสร้างความเกลียดชัง เทคโนโลยีของเรายังไม่สามารถทำงานเพื่อระบุได้ดีเท่าที่ควร และทางทีมงานของเรายังต้องรับหน้าที่ตรวจสอบเองอยู่ ”
ในขณะเดียวกัน ทางเฟซบุ๊กได้กำจัดหรือขึ้นข้อความเตือนสำหรับคอนเทนต์ที่มีภาพความรุนแรงราว 3.5 ล้านชิ้น ซึ่งทั้งหมดใช้เทคโนโลยีในการระบุแล้ว 86%
ทางเฟซบุ๊กระบุว่า คำขอข้อมูลบัญชีจากทางรัฐบาลนั้นเพิ่มขึ้นทั่วโลกราว 4% ในระยะเวลาครึ่งปีแรกของ ปี 2561 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยคำขอร้องเพิ่มขึ้นจาก 78,890 เป็น 82,341
ในสหรัฐฯ คำขอร้องจากทางรัฐบาลถือว่ายังมีจำนวนที่ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อน
คริส ซันเดอร์บาย รองประธานและรองที่ปรึกษาทั่วไปของเฟซบุ๊กระบุผ่านโพสต์บนบล็อกว่า “ เราต่างกลั่นกรองคำขอร้องข้อมูลจากทุกรัฐบาลที่เราได้รับข้อมูลบัญชีต่าง ๆ ไม่ว่าคำร้องขอจะมาจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลในสหรัฐฯ ยุโรป หรือที่อื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎหมาย หากคำร้องขอข้อมูลมีท่าทีของการละเมิดกฎหมายหรือเกินขอบเขต เราจะตีกลับและอาจขึ้นต่อสู้คดีในชั้นศาลหากจำเป็น ”