อาลีบาบากำไรพุ่ง 47%
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน – อาลีบาบารายงานผลกำไรที่เติบโตขึ้นถึง 47% ในปีงบประมาณ 2560 – 2561 โดยได้แรงหนุนจากการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
โดยผู้ค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่รายงานว่ากำไรของบริษัทพุ่งขึ้นเป็น 63,985 ล้านหยวน หรือราว 324,403 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นถึง 60%
รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 250,270 ล้านหยวน หรือราว 1.26 ล้านล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจคอมพิวเตอร์คลาวด์พุ่งทะยานขึ้นถึง 101% ขณะที่รายได้จากสื่อดิจิทัลและความบันเทิงเติบโตขึ้น 33%
สำหรับไตรมาส 4 บริษัทเล็งเห็นรายได้ที่จะสูงกว่าที่คาดการณ์ถึง 61% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 62,000 ล้านหยวน หรือราว 314,340 ล้านบาทดีกว่าโพลล์ของนักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กที่เคยคาดการณ์ว่าบริษัทจะเติบโต 59%
อาลีบาบาระบุว่า คาดการณ์ว่า รายได้จะเป้นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ถึงเดือนมี.ค.ปี 2562 คือเพิ่มขึ้น 60% เนื่องจากบริษัทมีแหล่งทำรายได้ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจออฟไลน์อย่างซูเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจขนส่งสินค้า
“ อาลีบาบากรุ๊ปมีไตรมาสและปีงบประมาณที่ยอดเยี่ยม โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตในธุรกิจหลักของเราและการลงทุนที่เราได้ทำไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อการเติบโตในระยะยาว” แดเนียล จาง ซีอีโอของอาลีบาบากรุ๊ประบุในแถลงการณ์
“ ผลลัพธ์ที่ได้แข็งแกร่งมาก ดีกว่าที่หลายคนคนคาดการณ์ไว้ ” จูเลีย แพน นักวิเคราะห์ประจำ UOB Kay Hian ที่เซี่ยงไฮ้กล่าวกับสื่อบลูมเบิร์ก
ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ซึ่งสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ในจีน ที่ซึ่งเทรนด์และความชื่นชอบในการช้อปสินค้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเว็บไซต์เถาเปา อาลีบาบาสามารถดึงดูด 90% ของผู้บริโภคในจีนให้เข้าสู่ตลาดผู้บริโภคได้ และ Tmall ควบคุมการทำธุรกรรมได้ถึงครึ่งหนึ่งของมืออาชีพและรายบุคคล
อย่างไรก็ตาม อาลีบาบามีแผนจะพัฒนาเชื่อมโยงไปที่การค้าปลีกหน้าร้าน อย่างเช่น เชนซูเปอร์มาร์เก็ต Hema และการลงทุนในเชนการจัดจำหน่ายสินค้าในยุทธศาสตร์ค้าปลีกใหม่
โดยความเคลื่อนไหวของบริษัทสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์อย่างอเมซอน ซึ่งเพิ่งทดลองเปิดร้านใหม่ที่ไม่มีแคชเชียร์และปีที่แล้ว ได้เข้าซื้อกิจการเชนซูเปอร์มาร์เก็ตระดับไฮเอนด์อย่าง Whole Foods Market
“ ในปีที่ผ่านมา เราได้ทุ่มงบไปเป็นสองเท่ากับการพัฒนาเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์คลาวด์ โลจิสติกส์ บันเทิงดิจิทัล และบริการในประเทศ ดังนั้น เราจึงอยู่ในสถานะที่สามารถมีตัวเลขการเติบโตในการบริโภคในจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ” ซีอีโอจางกล่าว
เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา อาลีบาบาเพิ่งประกาศว่า จะทุ่มงบลงทุนอีก 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบริษัทในเครืออย่างลาซาดา ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยลาซาดามีการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทยและเวียดนามและมีลูกค้า 560 ล้านคนในภูมิภาค.