ทรัมป์จ่อส่งทหารคุมชายแดน
เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะเรียกกำลังทหารจากกองทัพให้ไปประจำการอยู่ตามแนวชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโกจนกว่ากำแพงกั้นชายแดนที่เขาสัญญาว่าจะสร้างจะเสร็จสมบูรณ์
“ผมบอกเม็กซิโกแล้ว และผมเคารพในสิ่งที่พวกเขาทำ ผมบอกว่า กฎหมายของคณทรงพลังมาก กฎหมายของคุณแข็งแกร่ง เรามีกฎหมายแย่ๆสำหรับชายแดนของเรา และเรากำลังจะทำบางอย่าง ผมพูดกับแมททิส (รมว.กลาโหมเจมส์ แมททิส ) เรากำลังจะทำบางอย่างเกี่ยวกับกองทัพจนกว่าเราจะมีกำแพงและการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เราจะให้ทหารไปเฝ้าประจำการชายแดนของเรา นี่เป็นขั้นตอนใหญ่” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันกับบรรดาผู้นำจากรัฐบอลติก (ประเทศลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย)
เขากล่าวต่อว่า “เราไม่สามารถรับประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศของเราอย่างผิดกฎหมาย ที่หายเข้าไปในประเทศเรา และไม่เคยแสดงตัวต่อศาลได้”
เมื่อถูกถามในระหว่างการแถลงข่าวร่วม ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังเตรียมพร้อมให้ทหารไปดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดน และเขาจะเข้าประชุมด้านความมั่นคงตามชายแดนกับรมว.กลาโหมแมททิสและคนอื่นๆ
ทรัมป์ผุดไอเดียที่จะระดมทุนในการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนกับเม็กซิโกผ่านงบประมาณของกองทัพจากการพุดคุยกับที่ปรึกษา แหล่งข่าวสองคนยืนยันประเด็นนี้กับสื่อ CNN ในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายชายแดนที่เข้มงวดขึ้นผ่านการทวีตอย่างต่อเนื่องบนทวิตเตอร์ของเขาในวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดคุยเรื่องการส่งกำลังทหารไปประจำการที่ชายแดนสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ภายใต้การบริหารประเทศของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้มีกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Operation Jump Start เริ่มประจำการที่ชายแดนในปี 2549 และทำหน้าที่รักษาความมั่นคงอยู่นานถึง 2 ปี โดยปฏิบัติการนี้ได้มีการส่งทหารมากกว่า 6,000 นายไปที่แคลิฟอร์เนีย แอริโซนา นิวเม็กซิโก และเท็กซัสเพื่อซ่อมแซมรั้วตามแนวชายแดน โดยมีการก่อสร้างแบร์ริเออร์โลหะเกือบ 1,000 จุด และใช้เฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนเพื่อจับตาผู้อพยพที่พยายามจะข้ามพรมแดนสหรัฐฯ เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
ในปี 2553 รัฐบาลสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ใช้กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันชายแดน
โดยมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ 1,200 นายไปประจำการตามแนวชายแดนนานถึง 1 ปีเพื่อช่วยศุลกากรสหรัฐฯ ในการตรวจตราและสืบสวนสอบสวนข้อมูล
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้พูดถึงคาราวานผู้อพยพจากอเมริกากลางที่เดินทางผ่านมาทางเม็กซิโก ซึ่งมีแผนจะข้ามเข้ามาและขอสถานะผู้ลี้ภัยเมื่อเข้ามาถึงชายแดนสหรัฐฯ เขาได้ทวีตอย่างต่อเนื่องบนทวิตเตอร์ถึงความต้องการของเขาที่จะหยุดยั้งกองคาราวานนี้
“หากพวกเขามาถึงพรมแดนเราได้ กฎหมายของเราก็อ่อนเกินและน่าสมเพช พวกคุณ (รัฐบอลติก) ไม่เข้าใจเรื่องนี้ ผมรู้ กฎหมายของคุณแข็งมากที่พรมแดน มันเหมือนกับว่าเราไม่มีแนวชายแดนกั้นอยู่เลย”
โดยเขากล่าวว่า เขาบอกกับเม็กซิโกอย่างเด็ดขาดว่า เม็กซิโกจะต้องทำอะไรสักอย่างกับคาราวานผู้อพยพนี้ โดยขณะที่เขาจะมีการเจรจารอบใหม่ของข้อตกลงการค้า NAFTA กับเม็กซิโกและแคนาดา เขาย้ำว่าความมั่นคงชายแดนจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง.