6 พธม.ร่วมเปิด Samitivej Virtual Hospital
“ไทยพาณิชย์ – เมืองไทยประกันชีวิต” นำร่อง 6 พันธมิตรสำคัญ ร่วม รพ.สมิติเวช พัฒนา Samitivej Virtual Hospital ให้บริการ “โรงพยาบาลเสมือนจริงออนไลน์” หวังตอบสนองคนรุ่นใหม่ “ทุกที่ ทุกเวลา ทั่วโลก” อย่างทันท่วงที เผยหากดึงคนระดับกลางเข้าใช้บริการ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนระดับล่างเข้าถึง รพ.รัฐง่ายขึ้น
นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีในการให้บริการทางการแพทย์ของไทยวันนี้…ก้าวล้ำไปอีกขั้น กับ Virtual Hospital ที่ รพ.สมิติเวช นำมาใช้เป็นรายแรกในประเทศไทย รองรับยุค 5 G ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการเปิดตัว “โรงพยาบาลเสมือนจริงออนไลน์” ครั้งนี้ รพ.สมิติเวช ได้ 6 พันธมิตรธุรกิจสำคัญอย่าง กลุ่ม AIS LINE เมืองไทยประกันชีวิต ธนาคารไทยพาณิชย์ แสนศิริ และเครือเอสซีจี มาร่วมพัฒนาและต่อยอดการให้บริการร่วมกันอย่างลงตัว
นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช กล่าวว่า ลูกค้าสามารถใช้บริการ “โรงพยาบาลเสมือนจริงออนไลน์” ตลอด 24 ผ่านแอปพลิเคชันของโรงพยาบาลฯ พบแพทย์โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาลฯ และสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา และทำได้ทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ 1.บริการ Teleconsultation หรือการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านวิดีโอคอล ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลตลอด 24 ชม. ซึ่งระยะแรกจะเปิดเฉพาะเวลา 08.00-20.00 น. และเริ่มให้บริการ 24 ชม. ตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้ 2.บริการ Test @ Home ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าต้องทำการตรวจเลือด จะมีบริการเจาะเลือดถึงบ้าน แล้วนำส่งห้องปฏิบัติ การทัน และ 3.บริการ Medicine Delivery ในกรณีที่ผู้ใช้บริการต้องการได้รับยา ทาง LINE MAN จะเป็นผู้นำไปส่งถึงบ้าน
ด้านพันธมิตรฯ อย่าง…เมืองไทยประกันชีวิต นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นมิติใหม่ของวงการประกันชีวิต ทั้งนี้ลูกค้าของบริษัทฯสามารถใช้บริการข้างต้น ผ่านแอปพลิเคชันของเมืองไทยประกันชีวิต สามารถเคลมค่าใช้จ่ายได้ตามปกติ ทั้งนี้ บริษัทฯนำร่องกับพนักงานก่อน โดยระหว่างนี้กำลังพัฒนาเพื่อนำมาใช้กับลูกค้าประกันกลุ่มต่อไป
นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ย้ำว่า ข้อเท็จจริงคือ “คนยิ่งรวย ยิ่งกลัวตาย” จึงเป็นภารกิจยามนี้ของธนาคารฯ นั่นคือ บริหารความมั่งคั่ง และสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับลูกค้า ทั้งนี้ ธนาคารฯได้ร่วมมือกับ รพ.สมิติเวช ภายใต้แนวคิด “The First Prestige Wealth & Health Experience” เมื่อปีที่แล้ว ความร่วมมือในปีนี้ เสมือนเป็นการสานต่อผ่านบริการดังกล่าวใน 3 ด้าน คือ 1.บริการ Teleconsultation ด้านสุขภาพ เพื่อรองรับลูกค้า SCB Wealth 2.ซื้อประกันการเดินทางพร้อมบริการ Teleconsultation ผ่านแอปฯ SCB EASY และ 3.บริการ Health & Home
ขณะที่พันธมิตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น AIS, LINE, แสนศิริ หรือเครือเอสซีจี ต่างก็มีลูกค้าที่ผูกโยงกับบริการของ รพ.สมิติเวช และนำไปเป็น “จุดขาย” สร้างความสนใจแก่ลูกค้าเก่า-ใหม่ของตัวเองได้ ซึ่ง นพ.นพ.ชัยรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า…บริการ Samitivej Virtual Hospital ไม่เพียงจับกลุ่มลูกค้าระดับบน หากยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าระดับกลาง ทั้งที่เป็นลูกค้าของพันธมิตร 6 แห่ง หรือไม่เป็นก็ตาม สามารถมาใช้บริการดังกล่าวได้ ในราคาที่เหมาะสม เพราะเทคโนโลยีทำให้ รพ.สมิติเวชมีต้นทุนที่ถูกลง ทั้งนี้ หากคนระดับกลางหลีกเลี่ยงที่จะใช้บริการของ รพ.รัฐ เชื่อว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนระดับล่างเข้าถึงบริการทางการแพทย์จาก รพ.รัฐได้มากยิ่งขึ้น.