SPCG เตรียม COD โซลาร์ฟาร์ม EEC ไตรมาส 2 ปี 65
SPCG ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เตรียม COD โซลาร์ฟาร์ม EEC ไตรมาส 2 ปีหน้า
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมเดินหน้าก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ในต้นปีหน้า มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 23,000 ล้านบาท และคาดจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 3 และ 4 ปี 65
ทั้งนี้ในปี 65 บริษัทฯ จะมีโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ได้ Adder ในราคา 8 บาท ระยะเวลา 10 ปี สิ้นสุดอายุสัญญา Adder ลงรวมทั้งสิ้น 4 โครงการ ซึ่งเมื่อหมด Adder แล้ว จะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จาการขายไฟฟ้าในราคาค่าไฟฟ้าฐาน เฉลี่ย 3 บาทต่อหน่วย
ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการเข้าร่วมลงทุน (JV) กับพันธมิตรที่มีความเหมาะสม เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในประเทศญีปุ่นเป็นหลัก ซึ่งจะเข้ามาชดเชยกับรายได้จาก Adder ที่ทยอยหมดลง
อีกทั้งปัจจุบัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Ukujima กำลังการผลิตติดตั้งรวม 480 เมกะวัตต์ กำหนด COD ในเดือนก.ค.66 โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตร มีผู้ถือหุ้นหลัก 9 ราย โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 17.92% ขนาดการลงทุนรวม 52,000 ล้านบาท เป็นส่วนของบริษัท 2,630 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในปี 68 ไม่น้อยกว่า 286 ล้านบาท
และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar ณ เกาะคิวชู (Kyushu) เมืองมิยาโกะฝั่งใต้ กำลังการผลิต 44 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD ในเดือน ก.พ.66 โดยทั้งโครงการใช้เงินลงทุนประมาณ 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนการลงทุนของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 10%
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 64 บริษัทฯ ยอมรับว่าอาจจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 5,047.31 ล้านบาท จากเดิมที่คาดเติบโตเป็น 5,000-5,500 ล้านบาท เนื่องจากโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค่อนข้างมากในไตรมาส 3/64 ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนนินงานในไตรมาส 4/64 คาดจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโควิด-19 เริ่มดีขึ้น และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเข้าสู่ช่วงของไฮซีซั่น รวมถึงโซลาร์ลูฟท็อป ก็ปรับตัวดีขึ้น หลังจากลูกค้าเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้นด้วย