ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 28-29 ต.ค.2564
“บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แบกภาระเคลียร์ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ “อุ้ม” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ให้เป็นเลขาธิการพรรคต่อแบบเมินเสียงทักท้วงจากแกนนำพรรคหลายกลุ่มที่เห็นตรงกันว่า “ร.อ.ธรรมนัส” สร้างปัญหาให้กับพรรค”
เรื่องที่ 420 งานนี้ “บิ๊กป้อม” งัดไม้ตาย บอกแกนนำพรรคว่า “ถ้าพวกคุณยังทะเลาะกันอยู่ งั้นกูลาออก” ทำให้แกนนำพรรคเสียงอ่อนลง แต่เมื่อแกนนำพรรคถามว่า ถ้า “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกไปตั้งพรรคใหม่ จะทำยังไง “บิ๊กป้อม” ลั่นวาจาว่า “เมื่อนั้นกูก็เลิกเล่นการเมือง”
ประเด็นนี้เอง ทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ได้เป็นเลขาธิการพรรคต่อไปอีกสักพัก อย่างน้อยก็อยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในพรรคอีกครั้ง
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ในการประชุมใหญ่วันที่ 28 ต.ค. พรรคเพื่อไทยได้จัดเซอร์ไพรส์ใหญ่ เปิดตัว “แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนสุดท้อง ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย ทำให้หลายคนมองว่า อนาคต “แพทองธาร ชินวัตร” อาจเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดตัวครั้งนี้ “แพทองธาร ชินวัตร” แสดงวิสัยทัศน์ไว้อย่างน่าสนใตจว่า “ดิฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะที่ปรึกษาถึงแม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นตั้งไจทำงานด้วยใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากลับแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ”
เรื่องที่ 421 สถานการณ์ราคาน้ำมันใครๆก็เป็นห่วง แม้แต่ “นำพล มลิชัย” CEO เอสซีจี เซรามิกส์ ยังเอ่ยปากเตือน ผู้ประกอบการทุกรายเตรียมรับมือ สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ทั้งทางด้านพลังงานและด้านโลจิสติกส์ ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อไปอีกระยะหนึ่ง
แต่ที่ทนแบกรับต้นทุนราคาน้ำมันแพงไม่ไหวอีกแล้วคือ ผู้ประกอบการรถบรรทุก “อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตั้งโต๊ะประกาศเตรียม หยุดวิ่งรถบรรทุกทั่วประเทศ 20% ยาวถึง 7 วัน เริ่ม 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อกดดันรัฐบาล หากรัฐบาลไม่สนองตอบข้อเรียกร้องที่ขอให้ช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาท/ลิต ต้องจับตาดูว่าฝีมือการบริหารของภาครัฐ จะสามารถแก้ไขวิกฤติราคาน้ำมันแพงนี้ได้อย่างไร
แต่ถ้าจะหาคำตอบจาก “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงต้องรอสักแป๊บ เพราะช่วงนี้ภารกิจแน่น ต้องลงพื้นที่ไปมอบถุงยังชีพ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมกับ กฟผ.และ ปตท.นะครับ
เรื่องที่ 422 “วีริศ อัมระปาล” ขอชี้แจง เหตุเพลิงไหม้โรงงานโฟมบรรจุสินค้า-ผลิตและจำหน่าย ภายในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานีไม่ใช่นิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในการกำกับดูแลของ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) แต่อย่างใด ส่วนอุบัติเหตุการปะทุและมีเปลวไฟ ภายในถังเก็บสารแนฟทา ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด นั้น ล่าสุดสั่งหยุดประกอบกิจการบางส่วนชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน และได้ให้ มาบตาพุด แทงค์ หาสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน และจัดทำมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ และเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวโดยเร็ว
เรื่องที่ 423 รับลูกกันมาดี สำหรับ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง กับ “พรชัย ฐีระเวช” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษญกิจการคลัง (สศค.) เมื่อวันก่อนเพิ่งตอบคำถามนักข่าวเรื่องจีดีพีปีนี้ กับคาดการณ์ว่าจะโตราว 1% รุ่งขึ้นเพียงวันเดียว “พรชัย” เปิดแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ย.2564 ชี้เปรี้ยง! ตัวเลขตรงกันเป๊ะ! โดยมีค่ากลางเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 0.5 – 1.5% แต่พอนักข่าวจี้ถาม เหตุที่ค่ากลางฯ ห่างกันไกล แล้วจะไหนอยู่ฝั่งต่ำหรือฝั่งเกิน “โฆษกคลัง” อ้อมแอ้มตอบ ก็ต้องฝั่งเกินกว่า 1% สิครับ เพราะมีมาตรการภาครัฐคอยหนุน แถมยังได้อานิสงส์การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเสียอีก
พูดถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เรื่องที่ 424 รอบนี้ กลุ่มหลักจากเมืองจีน ยังบินออกนอกประเทศไม่ได้ “รัฐบาลสี จิ้นผิง” ยังไม่ไฟเขียว! รัฐบาลไทยจึงหันไปพึ่งนักท่องเที่ยวฝั่งตะวันตกและชาติเอเชียที่เป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะจากชาติอาหรับเบ็ดเสร็จ 2 เดือนสุดท้ายของการเปิดประเทศ คนแถลงข่าวยอมรับตรงๆ คงหวังอะไรไม่ได้มากนัก ก็ตลอด 10 เดือนแรกของปี ยังมีนักท่องเที่ยวหลุดเข้าไทยในโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ และสมุยโมเดล พลัส แค่เพียง 8.5 หมื่นคน ฉะนั้น เปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค.นี้ คงหวังแค่เพียงต่ำกว่าแสนคนก็ดีถมไปแล้ว
แม้ประเด็นโควิดฯ ยังคงตกเป็นเรื่องที่ภาครัฐไทยจะต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด กระนั้น อานิสงฆ์จากมาตรการ “ฉีดวัคซีน” ของรัฐบาลทั่วโลก และตัวเลขการติดเชื้อที่มีสัญญาณดีขึ้น เพราะคนติดเชื้อและคนตายมีน้อยลง จึงเป็นอีกความหวังของรัฐบาลไทย ทั้งเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้ที่จะมีตามมา ตั้งเป้าไว้เบาะๆ ปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยว 3.8 แสนล้านบาท จะฉุดให้จีดีพีทะลึ่งพรวด! จาก 1% ปีนี้ เป็น 4% ในปีหน้า
ข่าวสุดท้าย เรื่องที่ 425 วันก่อนเช่นกันเป็น “อาคม” ที่ทำหน้าที่ประธานในพิธีลงนาม MOU ส่งเสริมการลงทุนและบริการทางการเงินให้กับคน 3 กลุ่ม “นักลงทุน-ผู้ประกอบการ–ผู้ค้ารายย่อย (ประชาชน)” ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี งานนี้…โตโผใหญ่ ที่ชื่อ “คณิศ แสงสุพรรณ” ผอ.สกพอ. ได้ 3 ธนาคารเฉพากิจ “ออมสิน – EXIM BANK – บสย.” มาสร้างสีและเติมเต็มความเชื่อมั่นทางด้านการเงินให้กับพื้นที่อีอีซี ยิ่งมาเจอ “วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พูดชัดเจน! โครงการนี้ไม่ได้หวังค้ากำไร แต่ทำไปเพื่อสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดอีอีซี (ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง) โครงการเงินกู้ เงื่อนไขดี ดอกเบี้ยต่ำ ที่ “ออมสิน” มีให้นั้น ใครผ่านคุณสมบัติพื้นฐานที่กำหนดไว้ เลือกกู้ได้ตามใจชอบเลย งานนี้ไม่มีการ “อั้น” ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรเช็คข่าวได้ไม่ยาก รีบและด่วนที่สุดเลยครับ!
โดย นพวัชร์