พลังงาน เปลี่ยนโลก “บ้านปู เน็กซ์” เปลี่ยนกลยุทธ์
เมื่อประชาคมโลก ต่างร่วมลงนามและให้สัตยาบันในความตกลงปารีส ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะโลกร้อน
โดยประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด อย่าง จีน ได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 รวมทั้ง สหรัฐอเมริกา วางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียน อย่างเช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา ก็ได้วางแนวทาง เพื่อมุ่งสู่ประเทศที่มีก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่นกันกับประเทศไทย ก็ได้ประกาศลดคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065-2070
ฉะนั้น เมื่อสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นเช่นนี้ ธุรกิจด้านพลังงานต่างๆจึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกัน…
“พลังงานหมุนเวียน” จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกด้านพลังงานที่หลายประเทศหันมาใช้อย่างจริงจัง..เพราะเป็นพลังงานสะอาดจากธรรมชาติที่สามารถหมุนเวียนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างไม่จำกัดนั่นเอง
ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จึงเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าจะตามองมิใช่น้อยเช่นกัน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทด้านพลังงาน ที่มองเห็นโอกาสนี้ และ เร่งสปีดรีบคว้าตำแหน่งนัมเบอร์วัน มาไว้ในมือ
บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีพลังงาน จึงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของกลุ่ม BANPU ให้เป็นไปตามเป้าหมาย มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน มากกว่า 50% ภายในปี 2568
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด บอกว่า เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้า บ้านปู เน็กซ์ จึงได้วางธุรกิจเชิงรุก หรือแผนโรดแมป 5 ปี (2564-2568) โดยดำเนินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และหลักการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG จากกลุ่มบ้านปู เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
1. เน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) โดยยึดความต้องการและปัญหาของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์การดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้า รองรับเทรนด์การใช้พลังงานและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
2. เดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสการเติบโต ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ และสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่มีความสามารถ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
3. ผลักดันธุรกิจให้เติบโตในทุกโซลูชัน โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ไม่น้อยกว่า 20% ของกลุ่มบ้านปู ผ่านการดำเนินธุรกิจหลัก ทั้ง ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ ซื้อขายไฟฟ้า อี-โมบิลิตี้ และพลังงานฉลาด รวมถึงเดินหน้าขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้แผนการดำเนินงานของธุรกิจของ บ้านปู เน็กซ์ จะแบ่งเป็น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก ได้ปรับแผนเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตจาก 1,600 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2568 อีก 20-30%
นายเจมส์ บอกว่า ปัจจุบัน บ้านปู เน็กซ์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 1,200-1,300 MW แบ่งเป็นพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่รวม 824 MW และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ลานจอดรถ และโซลาร์ลอยน้ำรวม 249 MW รวมถึงยังมีโครงการอื่นๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่ 1,600 MW ก่อนเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 68
“รายละเอียดแผนการปรับเป้าหมายใหม่ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่อพิจารณา คาดว่าจะสามารถประกาศได้ในเร็วๆนี้”
ส่วน ธุรกิจแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) และตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำลังการผลิตไว้ที่ 3 GWh ในปี 2568 จากขยายการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่คุณภาพสูงของดูราเพาเวอร์ และนำมาต่อยอดพัฒนาโซลูชั่นพลังงานอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า และด้วยเทรนด์ที่มาเร็วและแรงของธุรกิจดังกล่าว คาดว่ามีโอกาสในการปรับเป้าหมายใหม่ขึ้นเข่นกัน
ด้านธุรกิจ Energy Trading นั้น ปัจจุบันยังคงจำกัดอยู่ในประเทศที่มีการเปิดเสรีในการซื้อขายไฟฟ้า เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าแล้วราว 305 GWh ในประเทศญี่ปุ่น และตั้งเป้าที่จะมีการซื้อขายไฟฟ้าต่อปี เป็น 1,000 GWh ภายในปี 68 ผ่านการขยายไปยังประเทศอื่นๆ โดยมีแผนเปิดตลาดในออสเตรเลียปีหน้า และมองโอกาสในประเทศสหรัฐ เป็นลำดับต่อไป
สำหรับ ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ ขณะนี้ มีจุดให้บริการถึง 1,000 จุด ทั่วกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้า หรือยานพาหนะไฟฟ้าที่ให้บริการแล้วปะมาณ 200 คัน ล่าสุดได้เปิดตัวเรือเดินไฟฟ้า ให้บริการที่เกาะภูเก็ต ซึ่งบริษัทฯ ก็ตั้งเป้าให้บริการธุรกิจดังกล่าวให้ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง เป็น 50,000 จุด เพิ่มจุดบริการคาร์แชร์ริ่ง เป็น 5,000 จุด เพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า และพัฒนาบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มเรือเดินไฟฟ้า อีกกว่า 100 ลำ
นอกจากนั้น บ้านปู เน็กซ์ ยังเตรียมขยายโปรเจกต์สมาร์ทซิตี้ และคอมมูนิตี้เพิ่ม จากปัจจุบัน ที่มีอยู่ 5 โครงการ เป็น 9 โครงการ
นายเจมส์ บอกว่า บริษัทยังคงเน้นขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก และธุรกิจแบตเตอรี่ที่จะมาช่วยเสริมการเติบโตในอนาคต โดยมองว่าการลงทุนแต่ละโครงการนั้นจะต้องสร้างผลตอบแทนหรือกำไรจากการลงทุน (IRR) กลับมาให้แก่บริษัทไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลัก
ปัจจุบัน บ้านปู เน็กซ์ มีสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ประมาณ 70% มาจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนใน 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม ออสเตรเลีย และกำลังจะขยายเข้าไปในสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจ Energy treading หรือการซื้อขายไฟฟ้า, ธุรกิจ Energy Technology และการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
ส่วนแผนการนำบริษัทในกลุ่ม Banpu NEXT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นั้น ขอให้รอกันอีกสักพัก บอสใหญ่ สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) บอกมาว่า ตอนนี้ อยู่ระหว่างศึกษา ไม่รีบร้อน หากสถานการณ์เอื้ออำนว เมื่อไหร่ นำเข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน…