กสิกรฯชี้รายได้เกษตกรฉุดสินเชื่อเอสเอ็มอี
กสิกรไทยยอมรับสินเชื่อเอสเอ็มอี 7 เดือนแรกต่ำเป้าเยอะ เหตุรายได้เกษตรกรยังไม่ฟื้นพอจะหนุนธุรกิจเอสเอ็มอี เชื่อ 4 เดือนหลังทุกอย่างจะดีขึ้น ดันยอดสินเชื่อกลุ่มนี้ใกล้เป้าต่ำที่ 4% เผยแนวโน้มสินเชื่อแฟรนไชส์ดีมาก หนี้เสียต่ำแค่ 0.1% พร้อมขยับเป้าเป็น 3 พันล้าน
นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ว่า แม้จะเติบโตเพียงแค่ 1% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ 4-6% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตเฉพาะกลุ่มรายได้หลักของประเทศ คือ การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ ขณะที่ภาคการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะรายได้ของเกษตรกรที่เป็นกำลังซื้อหลักของกลุ่มเอสเอ็มอี ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว แต่ยังไม่มากพอจะสร้างกำลังซื้อได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเดือนหน้าต่อเนื่องถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ราคาสินค้าเกษตรน่าจะดีขึ้นและสร้างกำลังซื้อจากเกษตรกรได้มากขึ้น กระทั่งทำให้เป้าการปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มเอสเอ็มอี เติบโตใกล้เคียงกับตัวเลขขั้นต่ำที่ 4%
สำหรับสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์คงค้างนั้น ถือว่ามีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยธนาคารฯได้ปล่อยสินเชื่อให้กับ 40 ธุรกิจแฟรนไชส์มาตรฐานไปแล้วเกือบ 2,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่ใน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร ธุรกิจเบเกอรี่ และธุรกิจเครื่องดื่ม ตามลำดับ ซึ่งสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจแฟรนไชส์เป็นทางเลือกที่ดีในการทำธุรกิจสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ โดยในปีนี้ธนาคารฯตั้งเป้าสินเชื่อแฟรนไชส์เติบโต 5% หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากแยก 5 อันดับแรกของสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) คือ สินเชื่อประกอบธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น รองลงมาคือ เดอะ พิซซ่า คัมพานี ตามมาด้วยแฟรนไชส์ของสเวนเซ่นส์, แดลีควีน และร้านกาแฟอเมซอน
“สินเชื่อที่ธนาคารฯปล่อยให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาให้สินเชื่อแก่รายใหม่อีก 2-3 แบรนด์ และการปล่อยสินเชื่อผ่านธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟมวลชน 210 ล้านบาท ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ของธนาคารเป็นไปตามเป้าที่วางไว้” นายสุรัตน์ ย้ำและยอมรับว่า การปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจแฟรนไชส์ถือว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำมาก เพราะมีการคืนทุนที่เร็ว อีกทั้ง ยังมีอัตราการก่อหนี้เสียที่ต่ำมากแค่เพียง 0.1% เท่านั้น.