ยูเอ็นเรียกร้องเมียนมาหยุดวิกฤตโรฮีนจา
มีความเห็นขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาในเมียนมาก่อนจะมีการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
เนื่องจากจีนออกเสียงสนับสนุนการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮีนจาของกองทัพเมียนมา ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์และทำให้ชาวโรฮีนจา ประมาณ 370,000 คนต้องอพยพลี้ภัยไปบังคลาเทศ
โดยจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ออกมาสนับสนุนการปราบปรามอย่างรุนแรงของกองทัพเมียนมา เนื่องจากจีนเพิ่งเข้ามากระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการค้าในระดับยักษ์ใหญ่ พลังงาน และยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมียนมาปฏิเสธการละเมิดสิทธิชาวโรฮีนจา โดยกล่าวว่า กองทัพทำการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่บุกโจมตีตำรวจเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และกลุ่มผู้ก่อการร้ายเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเผาทำลายหมู่บ้านของชาวโรฮีนจา
นานาชาติเพิ่มแรงกดดันเมียนมาเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจาก Zeid Ra’ad Al Hussein หัวหน้าคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า ความรุนแรงครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างในหนังสือเรียนเรื่องการล้างเผ่าพันธุ์
แต่จีนกลับสนับสนุนการทำงานของนางอองซาน ซูจี โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนได้แถลงสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงในรัฐยะไข่
สหรัฐฯ เรียกร้องให้หาข้อตกลงเพื่อยุติวิกฤตในเมียนมา ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมขึ้นในวันที่ 13 ก.ย. หลังจากมีการประชุมของ 15 ประเทศสมาชิกแล้ว Antonio Guterres เลขาธิการทั่วไปของสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้แถลงให้ทางการเมียนมายุติความรุนแรงที่มีต่อชาวมุสลิมโรฮีนจา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่โดยทันที
โดยนาย Guterres กล่าวว่า สามารถบรรยายได้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมาในขณะนี้เป็นการล้างเผ่าพันธุ์
“ 1 ใน 3 ของประชากรชาวโรฮีนจาต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ คุณจะหาคำอื่นที่บรรยายสถานการณ์ความรุนแรงที่นั่นได้ดีกว่านี้อีกหรือ ? ”
“ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมายุติปฏิบัติการของกองทัพทันที เพื่อยุติความรุนแรง ปฏิบัติตามกฏหมาย และตระหนักถึงการคืนสิทธิให้กับทุกคนที่เดินทางลี้ภัยออกนอกประเทศ ” เขากล่าว โดยย้ำว่า เขาได้มีการพูดคุยกันหลายครั้งกับนางอองซาน ซูจี
“ สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่รัฐยะไข่คือหายนะ นี่เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าสะเทือนใจ ผู้คนกำลังจะตายและทุกข์ทรมานเป็นจำนวนมาก และเราต้องหยุดให้ได้ ”
ทั้งนี้ นางอองซาน ซูจีได้ยกเลิกการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติปลายเดือนก.ย.นี้ที่นครนิวยอร์ก.