รู้จัก “เสี่ยโต้” ผู้แทนท้องถิ่นนิยม
พ่อผมเป็นต้นแบบ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ผมจะถูกปลุกฝังให้ต้องรับผิดชอบ ว่าเรามีพ่อเป็นนายกเทศมนตรี
บทบาทของคนรุ่นใหม่ในพรรคภูมิใจไทย เด่นชัดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เมื่อโครงสร้างของภูมิใจไทย ถูกปรับ รองรับการเข้ามาของคนรุ่นใหม่จากต่างพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสนิยม และหลากหลายนโยบายของพรรค ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคสมัยใหม่
สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ หรือ เสี่ยโต้ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย เป็นอีกหนึ่งคนที่ย้ายจากค่ายเก่าพรรคชาติไทยพัฒนา ชบแนบอกเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวเรือใหญ่พรรคภูมิไทย กระทั่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางของพรรคในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของนิสิต นักศึกษา ฯลฯ
เขาเป็นบุตรชายของ ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ก้าวสู่การเมืองระดับชาติด้วยการเป็น ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคชาติไทย เมื่อปี 2550 และเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทย แต่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551 (บ้านเลขที่ 109) กระทั่งพ้นกำหนดเวลาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงได้กลับเข้าสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และเคยถูกวางตัวเป็นเลขาธิการพรรค
แต่ต่อมาสิริพงศ์ ตัดสินใจย้ายสังกัดมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ก่อนที่จะลงสมัคร ส.ส. ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ชนะ ธเนศ เครือรัตน์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
สิริพงศ์ พูดถึงการลาออกจากบ้านเก่าพรรคชาติไทยพัฒนาว่า แม้จะลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา แต่เรายังเป็นพวกเดียวกันเหมือนเดิม การเป็น ส.ส. คือตัวแทนประชาชน ไม่ใช่ตัวแทนของพรรค แต่แม้จะลาออกจากพรรคเก่า แต่ยังสามารถทำงานร่วมกันกับ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาได้
สิริพงศ์ เปิดใจว่า ชอบการเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่ามีคุณพ่อเป็นต้นแบบ กระนั้นก็ไม่ได้คิดว่าอยากเล่นการเมือง กระทั่งตอนปี 2546 ได้รับการทาบทามจากพรรคไทยรักไทยให้ทำพื้นที่ทางการเมืองเอาไว้ แต่ถึงเวลาหนึ่งพรรคไทยรักไทย ตัดสินใจให้ผู้สมัครคนเก่าลงเลือกตั้ง ส่วนตัวจึงตัดสินใจทำงานการเมืองต่อ และลงสมัครในนามพรรคชาติไทย และชนะเลือกตั้งปี 2550
“พ่อผมเป็นต้นแบบ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ผมจะถูกปลุกฝังให้ต้องรับผิดชอบ ว่าเรามีพ่อเป็นนายกเทศมนตรี เช่น ถ้าผมจะทิ้งขยะบนถนน แม่ผมจะดุเลยว่า ทำอย่างนั้น ไม่ได้ เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะด่าพ่อ”
ส.ส.วัย 44 ปี รายนี้ เข้ามาสังกัดใหม่พรรคภูมิใจไทยได้ไม่นาน ก็สร้างวีรกรรมที่คนทั้งประเทศต้องจดจำ เมื่อ “สิริพงศ์” เป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเพียงคนเดียวที่ใช้สิทธิ์งดออกเสียง ในการโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งปี 2562
เจ้าตัว บอกว่า นั่นถือว่าเป็นความดราม่าที่สุดในชีวิต ส่วนเหตุผลเป็นเพราะตอนหาเสียงได้ประกาศกับชาวบ้านแล้วว่าจะเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี นอกนั้น จะไม่โหวตให้ใคร และยังได้ย้ำว่า หากไม่ใช่นายอนุทิน จะขอใช้สิทธิงดออกเสียง และก่อนโหวตได้ถามผู้ใหญ่แล้วว่า หากไม่โหวต จะทำมีผลอย่างไร จึงได้คำตอบว่า ผลก็คือผู้ใหญ่ในพรรค จะไม่สามารถคุ้มครองเราได้เลย
สิริพงศ์ พยายามชี้ให้เข้าเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนั้น ว่า “ต้องเข้าใจว่าที่บ้านผม(ศรีสะเกษ) ไม่เหมือนที่นี่นะ เวลาผมไปหาเสียง เขาจะถามเลยว่าจะเลือกใคร ซึ่งผมก็ยืนยันว่าจะเลือกท่านอนุทิน เขาถามอีกว่าแล้วถ้าต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ละ ผมก็ได้แต่ยืนยันไปว่าจะเลือกท่านอนุทิน”
เหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งผลให้พรรคภูมิใจไทย ต้องตั้งกรรมการสอบ “สิริพงศ์” แต่เขาก็รอดตัวมาได้
เมื่อไม่นานมานี้ “สิริพงศ์” ขันสาขารับอาสาเดินสายเจรจากับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ก่อนที่เวลาต่อมา จะมีการตั้งกรรมการสมานฉันท์ ขึ้นมาทำงานต่อไป
ส.ส.ศรีสะเกษ เล่าถึงการทำงานดังกล่าวว่า “ผมคิดว่าหน้าที่ของผมไม่ได้เป็นกันชนให้รัฐบาล เพราะผมทำงานในหน้าที่ของ ส.ส. ส่วนรัฐบาลก็มีกันชนของเขาอยู่แล้ว เราทำงานกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากหาทางออกให้นักศึกษา ไม่ให้พวกเขาไปเจอกับทางตัน ผมเข้าใจว่าพวกเขาต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่เราไม่อยากให้ใครก็ตามไปชักนำเขาให้เดินไปสู่ทางตัน และไม่อยากให้ประเทศไปสู่ทางตันด้วย”
“ผมคิดว่าการพูดกันคนละเวทีจะทำให้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง และการที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจำเป็นที่จะต้องมานั่งพูดคุยกันในรายละเอียด ให้มาเห็นกติกาเดียวกันถึงจะเป็นทางออกของสังคม หากแต่ละคนถือกันคนละกติกา ก็จะเจอทางออกยากมาก ทั้งนี้ เราอยากจะขอวิงวอนว่าอย่าเพิ่งมีธง เพราะถึงอย่างไรก็ดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่าแก้วันเดียวหรือเดือนเดียวเสร็จ หากอยากแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายจำเป็นจะต้องฟังทั้งคนที่เห็นต่างและคนที่เห็นด้วย ฉะนั้นเราจึงไม่ใช่กันชนของรัฐบาล และไม่มีความคิดที่จะมาถ่วงเวลา”
สำหรับการทำงานพัฒนาจังหวัด สิริพงศ์ ให้ความสนใจงานด้านกีฬา เคยเป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ เคยเป็นกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย
“สิ่งที่จำฝังใจในตอนเด็กๆคือ มีคนบอกว่าคนศรีสะเกษกินดิน ซึ่งต่อมาทำให้รู้สึกว่าอยากทำอะไรเพื่อจังหวัดของตัวเอง ส่วนตัวผมชอบงานด้านกีฬา จึงต้องการพัฒนางานด้านกีฬาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างโอกาสให้ลูกหลานชาวศรีสะเกษ”
นอกจากนี้ สิริพงศ์ ยังเป็นผู้อำนวยการสร้าง ไทบ้านเดอะซีรีส์ หนังอินดี้ต้นทุนต่ำที่สร้างปรากฎการณ์สร้างรายได้สูง โดยใช้กลยุทธป่าล้อมเมือง ซึ่งหนังได้รับความนิยมจากวัยรุ่นภาคอีสานก่อน จึงค่อยกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ไปทั่วประเทศ
โดย สิริพงศ์ บอกว่า เขาเป็นคนประเภทท้องถิ่นนิยม ชมชอบความเป็นอัตลักษณ์ของบ้านเกิด และภูมิใจที่ทำงานเพื่อให้บ้านเกิดเป็นที่รู้จักในหลากหลายมุมยิ่งขึ้น เพราะหลังจาก ไทบ้านเดอะซีรีส์ โด่งดัง ก็ช่วยให้การท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษดีขึ้น