บก.ชวนคุย วันที่ 14 ม.ค.2568
บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,389 ยินดีกับ “ปืน-นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์” เลขาธิการบีโอไอ ล่าสุดแถลงผลดำเนินงานออกมา พบว่า ทุบสถิติแล้ว ทุบอีก จากประเดิม คำขอส่งเสริมการลงทุน ปีที่แล้ว 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% ทุบครั้งที่หนึ่ง ทุบครั้งที่สอง มูลค่าการลงทุน 1.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% สูงสุดในรอบ 10 ปี
แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเนื้อหอมนักลงทุนยังให้ความสนใจและเลือกที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป
แต่ยังไม่หมดแค่นี้… ยอดการลงทุนต่างประเทศโดยตรง หรือ FDI ที่หลายคนตั้งตารอคอยมานาน หลายปีแล้ว บีโอไอ ยังเปิดเผยว่า มีจำนวนขอรับการส่งเสริม สูงถึง 2,050 โครงการ เพิ่มขึ้น 51% เงินลงทุนรวม 832,144 ล้านบาท งานนี้ ต้องชมเชยฝีมือบีโอไอ อีกครั้ง สามารถดึงนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนไทยได้อย่างดีเยี่ยม
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เป้าหมายของการต่างชาติ ได้เล็งที่อุตสาหกรรมใหม่ ที่ประเทศไทยสนับสนุนตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมดิจิทัล 243,308 ล้านบาท 150 โครงการ 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 231,710 ล้านบาท 407 โครงการ 3.อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 102,366 ล้านบาท 309 โครงการ 4.อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร 87,646 ล้านบาท 329 โครงการ และ5.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 49,061 ล้านบาท 235 โครงการ
โดยก่อให้เกิดการจ้างงาน 210,000 ตำแหน่ง และเพิ่มมูลค่าให้กับการส่งออกไทยไม่น้อยกว่า 2.6 ล้านล้านบาทต่อปี
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ประเทศที่ลงทุนในไทยอันดับหนึ่ง หาใช่ญี่ปุ่น หรือจีน แต่มาจากสิงคโปร์ เรื่องนี้ “นฤตม์” เล่าให้ฟังว่า เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เมื่อนักลงทุนไม่อยากถูกกีดกันทางการค้า ก็หันมาซบไทย ในฐานะประเทศที่เป็นกลาง โดยร่วมกันลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ แล้วแปลงสัญชาติจากฝรั่งหรือจีน เป็นจีนปนฝรั่ง แล้วย้ายข้ามห้วยมาไทย!!
กลับมาค้าขายเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับไทย ในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เพราะจากนี้ไป ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญของโลก จาก 5 อุตสาหกรรมใหม่ ที่เปลี่ยนโลกยุคปัจจุบัน ไปสู่โลกแห่งอนาคต นั่นเอง!!
โดย นพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บก.ชวนคุย วันที่ 18 พ.ย.2567