สธ.แจงไทม์ไลน์ วัคซีน AZ ชี้ กำหนดจำนวนส่งมอบไม่ได้
สธ.แจงไทม์ไลน์ ซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กำหนดส่งมอบเดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ขณะนี้ส่งแล้ว 12 ล็อต จำนวน 8,193,500 โดส ทยอยส่งเป็นสัปดาห์ ย้ำทำสัญญาขณะยังไม่มีการผลิต ระบุจำนวนผลิตและวันส่งมอบไม่ได้ ต้องเจรจาล่วงหน้ารายเดือน พิจารณาส่งมอบตามความต้องการของไทยและกำลังการผลิต
18 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์กรณีการทำสัญญากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
โดย นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์โรคโควิด 19 และการจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเริ่มจากช่วงเดือนมกราคม 2563 ประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด 19 รายแรก, วันที่ 25 มีนาคม 2563 ประเทศไทยออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีผลบังคับใช้ 26 มีนาคม 2563 หลังพบการระบาดมากขึ้น, วันที่ 22 เมษายน 2563 คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบแผนการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ของประชากรไทย, วันที่ 24 สิงหาคม 2563 กระทรวงสาธารณสุขลงนามสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ามาให้ผู้ผลิตในไทย ทำให้มีแหล่งผลิตในประเทศไทย, วันที่ 23 กันยายน 2563 คณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนฯ เห็นชอบแผนจัดหาวัคซีนเบื้องต้น, วันที่ 9 ตุลาคม 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามเอกสาร และ 12 ตุลาคม 2563 ออกประกาศจัดหาวัคซีนในกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยให้กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดหาโดยการจองล่วงหน้า ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีวัคซีนที่ผ่านการวิจัย ซึ่งอาจผลิตสำเร็จหรือไม่ก็ได้
ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ครม.เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้ากับแอสตร้าเซนเนก้า 26 ล้านโดส, วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ลงนามในสัญญา 3 ฝ่าย โดยแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทย สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค เพื่อจองซื้อวัคซีน, วันที่ 5 มกราคม 2564 ครม.รับทราบ มติที่ศบค. ให้สั่งซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส, วันที่ 20 มกราคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ใช้ได้ในภาวะฉุกเฉิน, วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ครม.เห็นชอบแก้ไขสัญญาจองซื้อวัคซีนจาก 26 ล้านโดส เพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส, วันที่ 2 มีนาคม 2564 ครม.รับทราบ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มสำหรับ 35 ล้านโดส, วันที่ 25 มีนาคม 2564 กรมควบคุมโรคส่งสัญญาที่ลงนามแก้ไขให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทย, วันที่ 4 พฤษภาคม 2564 ได้รับสัญญาตอบกลับจากแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทยและประเทศอังกฤษ หรือใช้เวลา 2 เดือนจึงได้รับการตอบกลับ และวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ครม.เห็นชอบกรอบการดำเนินงาน 61 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2564
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ในการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น ตามกำหนดการจะเริ่มเดือนมิถุนายน 2564 แต่เนื่องจากประเทศไทยมีการระบาดจึงมีการส่งมาให้ก่อน 2 ล็อต ได้แก่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 117,300 โดส และวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 จำนวน 242,100 โดส รวม 359,400 โดส, สำหรับเดือนมิถุนายน 2564 ส่งมา 5,130,000 โดส ได้แก่ วันที่ 4 มิถุนายน 2564 จำนวน 1,787,100 โดส, วันที่ 16 มิถุนายน 2564 จำนวน 610,000 โดส, วันที่ 18 มิถุนายน 2564 จำนวน 970,000 โดส, วันที่ 23 มิถุนายน 2564 จำนวน 593,300 โดส, วันที่ 25 มิถุนายน 2564 จำนวน 323,600 โดส และวันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 846,000 โดส เมื่อรวมกับวัคซีนที่ส่งมาก่อนหน้านี้เป็น 5,489,400 โดส ส่วนเดือนกรกฎาคม 2564 ส่งมาจำนวน 2,704,100 โดส ได้แก่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 จำนวน 590,000 โดส, วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 จำนวน 555,400 โดส, วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จำนวน 1,053,000 โดส และวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 จำนวน 505,700 โดส รวมทั้งหมด 12 ล็อต จำนวน 8,193,500 โดส จะเห็นว่าเมื่อผลิตและตรวจรับรองรุ่นการผลิตเสร็จก็ทยอยส่งมอบ เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งว่าจะส่งเป็นรายสัปดาห์
สำหรับจดหมายของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอบคุณที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นนอกอาเซียน คือ มัลดีฟส์ และไต้หวัน รวม 8 ประเทศ มีการระบุถึงข้อตกลงเจรจาจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยเริ่มในเดือนมิถุนายน 2564 แต่มีการส่งล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และพูดถึงเรื่องจำนวนวัคซีนที่สั่งจอง ประเทศไทยมีการจองมากที่สุด 61 ล้านโดส คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนวัคซีนที่มีการจองในอาเซียน บริษัทยืนยันการจัดส่งวัคซีนให้ประเทศไทย 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ผลิตได้ และจะพยายามส่งให้ครบถ้วนตามสัญญา
“ช่วงทำสัญญาจองและลงนามสัญญา 3 ฝ่าย ยังไม่ได้มีการผลิตวัคซีนจริง เป็นการทำสัญญาจองล่วงหน้าจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่า แต่ละเดือนจะผลิตได้เท่าไร ส่งให้เท่าไรและเมื่อไร จึงต้องมีการเจรจาแจ้งล่วงหน้าเป็นรายเดือน ซึ่งวันที่ 24 เมษายน 2564 กรมควบคุมโรคทำหนังสือแจ้งแอสตร้าเซนเนก้าว่าต้องการวัคซีนจำนวน 6 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน 2564 เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2564 เดือนละ 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 5 ล้านโดส รวม 61 ล้านโดส แต่การส่งมอบวัคซีนขึ้นกับกำลังการผลิตว่าได้มากน้อยเท่าไรและส่งให้เราได้เท่าไร ดังนั้น จำนวนที่แจ้งไปไม่ได้แปลว่าจะได้ 100% ต้องเป็นการเจรจาทั้งสองฝ่ายในแต่ละเดือน และตอนทำสัญญาไม่มีการระบุจำนวนวัคซีนที่จะส่งออกต่างประเทศ เพียงแต่ระบุว่าขอให้ประเทศไทยสนับสนุนและไม่ขัดขวางการส่งออกไปต่างประเทศ” นายแพทย์โอภาสกล่าว
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จดหมายมีการระบุว่ากระทรวงสาธารณสุขต้องการวัคซีนเดือนละ 3 ล้านโดสนั้น เป็นการอ้างอิงถึงการประชุมไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยมีการสอบถามความสามารถในการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลที่มีคือเคยฉีดเดือนละ 3 ล้านโดส กรมควบคุมโรคยังไม่เคยบอกอย่างเป็นทางการว่าจะฉีดได้แค่ 3 ล้านโดส ต่อมามีตัวเลขประมาณการณ์และแจ้งแอสตร้าเซนเนก้าว่าขีดความสามารถฉีดได้ถึง 10 ล้านโดสถ้ามีวัคซีนเพียงพอ เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่บอกว่าแอสตร้าเซนเนก้าจะส่งให้ไทยเท่าไร มี 2 ส่วน คือ ความต้องการของประเทศไทย และกำลังการผลิต จะต้องเอา 2 ส่วนมาเชื่อมต่อกันจึงจะเป็นการส่งวัคซีนจริง ซึ่งขณะนี้ก็มีการส่งมาให้เราเรื่อยๆ บางสัปดาห์ก็ส่งให้ 2 ครั้ง
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นว่าจะจัดส่งวัคซีนจนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 นั้น ขณะนี้การผลิตของแอสตร้าเซนเนก้าในประเทศไทยพยายามจะผลิตให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแอสตร้าเซนเนก้าไม่ได้แจ้งจำนวนการผลิตมา จากการคำนวณอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านโดสต่อเดือน เพราะฉะนั้น ถ้าคิด 1 ใน 3 คือจำนวน 5 ล้านโดสต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ และการผลิตวัคซีนขึ้นกับหลายปัจจัย รวมทั้งชีววัตถุตั้งต้น จึงยากที่บริษัทจะรับปากได้ 100% แต่จำนวนวัคซีนในสัญญากับความต้องการของไทยคือ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยจะต้องมีการเจรจาเป็นรายเดือน ซึ่งแอสตร้าเซนเนก้าไม่เคยออกมาระบุว่าจะส่งมอบถึงพฤษภาคม 2565 เป็นแค่จำนวนประมาณการณ์จึงต้องมีการเจรจากันต่อไป