3 ที่เที่ยวห้ามพลาดในฮาลองเบย์ ณ ฮานอย
กรุงฮานอย เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของเวียดนามที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันน่าสนใจ แต่ด้วยสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ตลอดจนความผันผวนทางการเมือง
ทำให้ในบางช่วงตอนของประวัติศาสตร์ก็มีการย้ายเมืองหลวง หรือแม้กระทั้งการสถาปนาเมืองหลวงอีกแห่งเทียบเคียงขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง กรุงฮานอยก็ได้กลับมามีสถานะเป็นเมืองหลวงอีกครั้ง ทั้งยังเป็นเมืองหลวงเพียงแห่งเดียวของเวียดนามที่คงอยู่อย่างยาวนานสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวภายในกรุงฮานอยมีหลายรูปแบบ แต่ที่มีชื่อเสียงโดยมากนั้นมักจะเป็นสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัย โดยเฉพาะในช่วงที่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส สืบเนื่องมาจนถึงยุคต่อสู้เพื่อเอกราชและสร้างชาติประชาธิปไตย โดยมีรายเอียดและความน่าสนใจดังต่อไปนี้
เจดีย์เตริ่นกว๊อก
สถานที่แห่งแรกเริ่มจากสถานที่สำคัญในฐานะที่เป็นศาสนสถานเก่าแก่ ได้แก่ “เจดีย์เตริ่นกว๊อก” เจดีย์แห่งนี้นับเป็นเจดีย์ซึ่งมีความเก่าแก่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ที่ฟอทานเนียน บาดิงห์ดิสทริคต์ใกล้ๆ บริเวณริมทะเลสาบโฮไต และด้วยสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ที่ก่อสร้างเป็นเจดีย์อิฐไล่ระดับเรียงซ้อนขึ้นไปหลายชั้น ตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีชมพูส้มงดงาม มีความสูงกว่า 10 ชั้นและเป็นงานศิลปะที่ผสมผสานระหว่างจีน, เวียดนามและญี่ปุ่น ประกอบกับมีองค์พระพุทธรูปสีขาวประดิษฐานไว้โดยรอบ จึงทำให้เจดีย์เตริ่นกว๊อกแห่งนี้มีความแปลกตาและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมและสักการะได้โดยนั่งรถมินิบัสหรือรถประจำทางมายังเมืองฮาลอง จากนั้นก็ลงเรือเฟอรรี่ข้ามฟากไปยังเกาะกั๊ตบา (Cat Ba Island) หรืออาจจะเลือกนั่งรถมินิบัสและรถประจำทางไปยังเมืองไฮฟอง (Haiphong) เพื่อต่อเรือไปยังเกาะกั๊ตบา หากสนใจเช่ารถขับ ก็สามารถขับไปตามเส้นทางหลักของฮานอย เพื่อต่อไปทางเหนืออีกประมาณ 170 กม.
ถ้ำเทียนกุง
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศและความงดงามของธรรมชาติ “ถ้ำเทียนกุง” หรือที่รู้จักกันในนาม “ถ้ำสวรรค์” หรือ “ถ้ำนางฟ้า” ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยลดหลั่นเรียงรายอยู่ทั่วทั้งบริเวณผนังถ้ำ บ้างก็เชื่อมประสานจนมีลักษณะคล้ายเสาหิน หรือที่นิยมเรียกกันว่า “เสาค้ำฟ้า” ซึ่งนับเป็นความแปลกตาอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีความน่าสนใจในเรื่องของการเข้าเยี่ยมชม เพราะนอกจากการเดินเท้าโดยปกติแล้ว ด้วยความที่เป็นถ้ำซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบขนาดใหญ่ จึงมีบางช่วงตอนที่นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงดงามภายในตัวถ้ำได้อีกด้วย
ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเกาะเด่าโก๋ ฮาลองเบย์ และมีตำนานเล่าขานว่ามังกรแม่ลูก 2 ตัวอาศัยอยู่ในถ้ำ ซึ่งมีหินงอกหินย้อย มาบรรจบกันเป็นเสาค้ำฟ้า ตลอดจนหินมังกรและหินเต่าที่ล้วนต่างก็เป็นสัตว์มงคลของชาวเวียดนามทั้งสิ้น
ถ้ำสวรรค์แห่งนี้เพิ่งค้นพบได้ไม่นานและเปิดให้เที่ยวชมได้ประมาณ 4 ปี แต่ความงดงามราวกับงานศิลปะที่เนรมิตจากสวรรค์ ทำให้ไต่อันดับความมาแรงมากสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดกวางบินห์ของเวียดนามเลยทีเดียว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟองยา – แกะบ่าง ที่เมืองดงเหย (Dong Hoi) หรือเมืองเอกในจังหวัดกวางบินห์ แม้ภายในถ้ำจะมีความยาวกว่า 40 กม. แต่ในปัจจุบันสามารถเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวเข้าได้แค่ 1 กม. เท่านั้น
การเดินทางมาเยี่ยมชมผลงานศิลปะที่ถ้ำเทียนกุงแห่งนี้ จะมีรถกอล์ฟให้บริการจากบริเวณที่จอดรถเพื่อนำมายังทางเข้าปากถ้ำ หรือหากนักท่องเที่ยวต้องการเดินเท้าก็ได้เช่นกัน จากนั้นค่อยเดินเท้าต่อขึ้นไปยังทางเข้าปากถ้ำ โดยจะสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันร่มรื่นตลอดทางกว่า 570 เมตร เมื่อเข้าสู่ภายในถ้ำจะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้พอมุดลงไปอัศจรรย์กับความสวยงามเบื้องหน้า ภายในถ้ำจะมีเส้นทางไม้เป็นทางยาว เพื่อช่วยบอกทิศทางให้นักท่องเที่ยวสัญจรไปตามที่กำหนด และไม่หลงเดินออกนอกเส้นทางอีกด้วย
วิหารวรรณกรรม
สำหรับสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งจะกล่าวถึงนี้ก็นับว่ามีคุณค่าและความสำคัญในทางประวัติศาสตร์เช่นกัน นั่นก็คือ “วิหารวรรณกรรม” หรือที่ชาวเวียดนามมักนิยมเรียกกันในนาม “วันเหมียว” วิหารแห่งนี้เคยใช้เป็นโรงเรียนสำหรับชนชั้นขุนนาง เป็นสถานที่สอบจองหงวน ทั้งยังนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนามอีกด้วย โดยภายในเขตวิหารมีการตกแต่งเป็นสวนสาธารณะที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยสระน้ำและต้นไม้น้อยใหญ่อันร่มรื่น จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าผู้ที่มาสักการะเทพเจ้าขงจื้อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวิหารจะได้รับพรให้ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะทางด้านการสอบแข่งขัน ทั้งนี้ วิหารวรรณกรรม หรือ Temple of Literature ตั้งอยู่ที่เหงียนไทฮ็อก เขตดาดง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งแท๊กซี่จากสุสานโฮจิมินห์ในฮานอย โดยค่าโดยสารประมาณ 20,000 ดอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง
ปัจจุบันสายการบินขนส่งผู้โดยสาร กรุงเทพ-ฮานอย นั้นมีให้เลือกหลากหลายผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสายการบินนกแอร์ เวียดนามแอร์ไลน์ การบินไทย ไชน่าอีสเทิร์น ตลอดจนสายการบินอื่นอีกมากมาย ซึ่งใช้เวลาบินเพียงไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยราคา ตั๋วเที่ยวบินไปกลับสำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดเริ่มที่ประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่นสำหรับผู้โดยสารชั้น 1 ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละสายการบิน ส่วนการเดินทางในกรุงฮานอย โดยปกติหากต้องการเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังสถานที่สำคัญก็มักจะมีรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวคอยให้บริการทุกเวลา แต่สำหรับกรณีท่านใดที่ต้องการความอุ่นใจก็อาจซื้อทัวร์จากบริษัทภายในประเทศโดยติดต่อไปตามที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ซึ่งได้รับจากทางสนามบินได้ ทั้งยังสามารถเลือกระยะเวลา ตลอดจนรายการทัวร์ที่ท่านสนใจได้ตามโปรโมชั่นของแต่ละบริษัทอีกด้วย.