Garden by the Bay ใครว่าสิงคโปร์ไม่มีพื้นที่สีเขียว
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่มักสร้างความน่าประหลาดใจในสถาปัตยกรรมสุดทึ่งอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากประเทศมีพื้นที่จำกัด
จึงวางแผนการพัฒนาการใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วโดยไม่สร้างผลกระทบทั้งภาพส่วนธุรกิจ การท่องเที่ยว และที่อยู่อาศัย และด้วยความที่สิงคโปร์ไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากนัก จึงสร้างแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบที่เป็น Man-Made Wonder มากมาย ดังเราจะสังเกตเห็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรม รอบอ่าวสิงคโปร์ ที่ทุกตารางนิ้วมีสิ่งปลูกสร้างให้ชวนตะลึงหลายต่อหลายที่เลย ไม่ว่าจะเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก Singapore Flyer โรงแรมมารีน่าเบย์แซนที่ปัจจุบันเกือบจะเป็นสัญลักษณ์ของ Singapore ไปแล้ว อาคารทรงทุเรียน Espanade สะพานเหล็กเกลียว Helix ที่มีแรงบันดาลใจจาก DNA มนุษย์ รวมถึงสวนในร่มและน้ำตกจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก Garden by the Bay ที่ข้างๆ มีต้นไม้ยักษ์ Super Tree สูงตระหง่าน
ประเมินด้วยสายตาก็พอจะทราบว่า สิงคโปร์นั้นมีการจัดการและวางแผนเรื่องการใช้พื้นที่เป็นอย่างดี มีความเคร่งครัดในกฎระเบียบการสร้างอาคารใดๆ หรือตึกสูงโดยเฉพาะพื้นที่รอบอ่าว ทุกอาคารต้องมีความหมายและ Concept ที่กลั่นกรองมาแล้วอย่างดี ไม่มีการบดบังแย่งซีนกันและกัน แต่ช่วยเสริมให้วิวโดยรวมสวยอย่างมีศิลปะ การสร้างเมืองของสิงคโปร์นั้นเหมือนมีศิลปินมาวาดภาพเมืองสิงคโปร์ไว้ แล้วค่อยๆ สร้างเติมขึ้นทีละอย่างสองอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือแต่ละสิ่งปลูกสร้างล้วนเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว มีความงดงามในตัวมันเอง และสร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับความคิดสร้างสรรค์ที่ใครเห็นก็ต้องทึ่ง
ใครจะคิดว่ากลางเมืองสิงคโปร์ที่พื้นที่มีราคาแพงระยับไม่แพ้เกาะแมนฮัตตันของนิวยอร์ค จะปรากฎเป็นต้นไม้ขนาดสูงเสียดฟ้าที่มีรูปร่างหน้าตาต้องมนต์สะกดนับสิบต้น เรียงรายอยู่ข้างๆ โดมกระจกขนาดใหญ่ๆ ทั้งสองโดม ซึ่งภายในรวบรวมต้นไม้จากทั่วโลกมาแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างจุใจนับหมื่นสายพันธุ์ Garden by the Bay นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ 250 เอเคอร์ หรือประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร ณ ใจกลางสิงค์โปร์ ซึ่งเกิดจากการผลักดันให้สิงคโปร์นั้นเปลี่ยนจากเดิมที่เคยเป็น Garden City สวนในเมือง ไปเป็น City in the Garden เมืองในสวน ตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรี นาย หลี่ เสียน หลุง ในปี 2005 และได้จัดการแข่งขันรูปแบบอาคารจากผู้เข้าแข่งขันกว่า 170 บริษัทใน 29 ประเทศ
พื้นที่ของโปรเจคทั้งหมดแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ Bay East Garden, Bay Central Garden และ Bay South Garden พื้นที่ส่วนของ Bay East และ Central ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ส่วน Bar South Garden ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีส่วนโดมกระจก 2 โดมที่มีแนวคิดมาจากดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ นั่นคือดอกกล้วยไม้แวนด้า ซึ่งประกอบไปด้วย Flower Dome และ Cloud Forest ซึ่งทั้งสองเป็นโดมกระจกปรับอากาศและควบคุมความชื้น
Flower Dome มีขนาดพื้นที่ใหญ่แต่เตี้ยกว่า จำลองสภาพอากาศเย็นและแห้ง มีอุณหภูมิควบคุมอยู่ที่ประมาณ 23 -25 องศาเซลเซียส มีพันธุ์ไม้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเมดิเตอเรเนียน แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ หรือแม้แต่ออสเตรเลีย แบ่งเป็นพื้นที่การแสดงพันธุ์ไม้ต่างๆ ถึง 7 โซน ผู้เข้าชมสามารถเดินเข้าชม โดยวนเป็นวงทางเดินยาวลื่นไหลต่อเนื่อง แต่ละโซนมีขนาดใหญ่มากพอจะสร้างบรรยากาศให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นภูมิทัศน์ของป่าจากบริเวณแหล่งต้นกำเนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์ เนื่องจากมีการประดับสลับพันธุ์ไม้เล็กใหญ่และต้นหญ้าดอกไม้ได้อย่างประณีตลงตัว การให้ข้อมูลพันธุ์ไม้ก็ทำได้อย่างน่าสนใจครบถ้วน ในแบบที่ไม่ต้องมีป้ายชื่อพร้อมคำอธิบายยาวเหยียดให้บดบังความงามของต้นไม้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดอย่างสูงของผู้ดูแล การได้เดินบนเส้นทางอิงธรรมชาติยาวๆ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมแปลกจมูกภายใต้โดมกระจกสูง ช่างสร้างความรู้สึกสดชื่นและประทับใจอย่างไม่สามารถมีคำบรรยายใดๆ มาเปรียบได้เลยทีเดียว
Cloud Forest เป็นโดมทรงสูงแต่แคบ เมื่อเดินผ่านเข้าประตูส่วนโดมป่าไม้ชื้นก็จะพบกับละอองจากน้ำตกจำลองที่สูงที่สุดในโลกให้ได้เย็นฉ่ำกันทั่วหน้า ถึงแม้ว่าการถ่ายภาพกับน้ำตกที่สร้างโดยมนุษย์นี้จะทำได้ยากด้วยกล้องมือสมัครเล่น แต่การทักทายด้วยละอองน้ำตกเย็นๆ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันเก็บภาพประทับใจฝังแน่นไว้ในเมมโมรี่สมองอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเดินฝ่าละอองน้ำเร็วๆ พร้อมกับเอามือป้องหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็ต้องตกใจกับสะพานกระจกที่นำไปสู่ทางขึ้นยอดน้ำตก เพราะสะพานทางเข้านี้ถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกหนาทึบเสมือนอยู่บนยอดดอยสูง ถ่ายรูปแล้วก็ให้นึกในใจลึกๆ ว่า “ยังมีอะไรอีกไหม ที่สิงคโปร์ยังไม่ได้จำลอง”
เมื่อขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นสูงสุดจนเกือบติดหลังคาโดมแก้ว มีสวนเล็ก ๆ พร้อมบ่อน้ำเปรียบเสมือนแหล่งต้นกำเนิดของน้ำตกเบื้องหน้า ก่อนจะเป็นริมผาสูงให้ได้มองภาพน้ำตกจากมุมบนสู่เบื้องล่าง และนำไปสู่ไฮไลท์ของ Cloud Forest Dome นั่นคือการเดินบนก้อนเมฆ The Walk in the Cloud เป็นทางเดินเล็กๆ คดเคี้ยววนไปมาตามภูเขาจำลองและน้ำตกสูงชนิดที่ใครกลัวความสูงอาจก้าวขาไม่ออก แรงสะเทือนจากการวิ่งของเด็กน้อยผู้ตื่นเต้นกับธรรมชาติที่มนุษย์สร้างนี้ อาจสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงกับผู้ที่กลัวความสูงได้อย่างชนิดที่ต้องลงนั่งยองมือจับพื้นกันเลยทีเดียว
Garden by the Bay นั้นไม่เพียงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่เป็นอีกหนึ่งหมุดการเดินทางมาเยือนของชาวสิงคโปร์เช่นกัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้โดยรถบัสและรถไฟฟ้าใต้ดิน หากใครมีตั๋วรถใต้ดินอยู่แล้วมารถไฟก็จะง่ายกว่าเพราะรถมาบ่อย ราคาค่าเข้าสำหรับชมความงดงามทั้ง 2 โดมอยู่ที่ 28 S$ ต่อคน หรือประมาณ 730 บาท ส่วนเด็กอยู่ที่อัตราคนละ 15 S$ หรือเกือบ 400 บาท อย่าเผลอคิดว่าสิงคโปร์จะมีส่วนลดจากบัตรเครดิตให้เสียเวลา ราคาไหนราคานั้นยกเว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นประชาชนคนสิงคโปร์
สิ่งมหัศจรรย์หลายอย่างเกิดขึ้นจากธรรมชาติ แต่หลายครั้งก็เกิดขึ้นจากมนุษย์นี่เอง หลังจากเปิด Garden by the Bay อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2012 นั้น สิ้นปี 2015 ก็ให้มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 20 ล้านคน ถ้าคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวสิงคโปร์ล่ะก็ Garden by the Bay เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญที่คุณไม่กล้าที่จะพลาดอย่างแน่นอน.