อลังการพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ
พม่าเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่โดดเด่นในด้านของความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เห็นได้จากพุทธศาสนสถานต่างๆ
ในประเทศพม่าที่ล้วนแล้วแต่ได้รับการทะนุบำรุงเป็นอย่างดีนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ศาสนสถานเหล่านี้เป็นมรดกล้ำค่าของประเทศ และควรค่าแก่การเข้าชมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังต้องการไปท่องเที่ยวประเทศพม่าเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนา พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ คืออีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ศาสนสถานแห่งพะโค พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอหรือพระธาตุมุเตา เป็นศาสนสถานที่สำคัญ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพะโค โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเจดีย์โบราณอันได้รับการก่อตั้งนับแต่สมัยของมอญเมื่อครั้งยังรุ่งเรืองอยู่ จะเห็นได้ว่าพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์หลายต่อหลายครั้ง จนทำให้พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่ยังคงความงามรอการมาเยือนจากนักท่องเที่ยวจนถึงทุกวันนี้ หากจะเอ่ยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองหงสาวดีก็ไม่ผิดนัก เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่กลางเมืองหงสาวดีและมีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี ชาวพม่าเรียกที่นี่ว่าชเวมอดอก็เพราะความหมายของคำนี้แปลว่า มหาเจดีย์แห่งเจ้าทองคำนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระมหาธาตุแห่งนี้เป็นเจดีย์อันดับต้น ๆ ของพม่าที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต
พระธาตุจมูกร้อน พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ ได้รับการขนานนามอีกชื่อว่าพระธาตุมุเตา โดยคำว่ามุเตาเป็นภาษามอญที่หมายถึงจมูกร้อน ด้วยสาเหตุที่ว่าพระมหาธาตุแห่งนี้มีความสูงมากที่สุดในประเทศพม่าถึง 144 เมตร ดังนั้นเมื่อพุทธศาสนิกชนขึ้นไปนมัสการสักการะบูชาและหากต้องการชมความงามของพระมหาธาตุอย่างเด่นชัด ก็จะต้องแหงนเงยหน้าเพื่อมองจนสุดสายตา ทำให้ใบหน้าเผชิญกับความร้อนของแสงแดด และทำให้จมูกร้อนขึ้นมานั่นเอง
พระประวัติแห่งพระมหาธาตุเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับเจดีย์แห่งนี้ได้รับการก่อสร้างมานับแต่ช่วงรุ่งเรืองของพม่า ซึ่งภายในเจดีย์สมัยพระเจ้าราชาธิราชได้มีการบรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ และในยุคของพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้มีการหล่อระฆังที่ฐาน ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ นับว่าทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุด เนื่องจากได้เคยใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำหรับเจาะพระกรรณของพระเจ้าตเบงชเวตี้ยามเมื่อขึ้นครองราชย์ไม่นานนัก ในช่วงรัชสมัยต่อมา พระเจ้าบุเรงนองจึงมีการก่อสร้างฉัตรเพิ่มและทำให้พระมหาธาตุสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ตามประวัติศาสตร์ยังเล่าต่อกันอีกว่า ยามที่พระเจ้าบุเรงนองจะออกรบเมื่อใด จะมีการสักการะที่แห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลทุกครั้งไป
สถานที่แห่งสิริมงคลของชาวพุทธ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ให้ความเคารพ และมักมาสักการะพระมหาธาตุอยู่เสมอ โดยในคราวที่ไปเยือนหงสาวดีเพื่อยกทัพปราบกษัตริย์หงสา พระองค์ได้โปรดให้มีการตั้งพลับพลาของพระองค์ไว้ในละแวกใกล้เคียงกับองค์พระมหาธาตุเจดีย์เพื่อความสะดวกในการสักการะอีกด้วย นอกจากนี้ พระมหาธาตุแห่งนี้ยังมีอายุยืนยาวเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวพุทธพม่ามาเป็นเวลานาน กระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้น และได้ทำให้พระมหาธาตุแห่งนี้พังลงจากพิษแผ่นดินไหว จึงทำให้เกิดการบูรณะครั้งใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ซากปรักหักพังก็ยังคงถูกนำมาจัดแสดง ณ ที่เดิม ซึ่งเหตุการณ์ที่ชวนให้อัศจรรย์ใจของคนทั่วไปคือ ยอดพระธาตุที่หักลงมานั้นไม่แตะพื้น ทำให้เกิดความเชื่อของผู้ที่ไปสักการะบูชาพระธาตุแห่งนี้ว่า หากใครที่ได้ไปกราบพระมหาธาตุแห่งนี้ต้องนำไม้ไปค้ำกับยอดของพระธาตุ จากนั้นใช้หน้าผากของตนเองแตะกับยอดพระธาตุที่หักลงมา หากใครได้ทำแล้วชีวิตของตนเองจะมั่นคงและไม่ตกต่ำ หรือแม้ตกต่ำอย่างไรก็จะไม่ถึงจุดที่ต่ำที่สุดเปรียบเสมือนพระธาตุที่แม้ยอดหักแต่ไม่หล่นร่วงลงสู่พื้นดินนั่นเอง
สถาปัตยกรรมแบบมอญ ลักษณะภายนอกของพระธาตุแห่งนี้นับว่าสวยงามโดดเด่นไม่แพ้พระเจดีย์แบบอื่น ๆ ในประเทศพม่าเลย โดยองค์เจดีย์มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบมอญ ซึ่งฉัตรจะเรียบ และมีองค์ระฆังที่แคบเรียว ส่วนด้านนอกหุ้มไว้ด้วยทองจังโก้ และด้านในเป็นอิฐกลวง นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปหลายองค์รายล้อมพระเจดีย์อีกด้วย ทำให้เห็นว่ารอบของฐานเจดีย์จะมีสถาปัตยกรรมแบบมอญผสมผสานกับแบบพม่าไว้ได้อย่างลงตัวและแปลกตา ส่วนตัวอาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบพม่ากึ่งตะวันตกสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าชมเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและเป็นมรดกที่ชาวพม่าช่วยกันอนุรักษ์และทะนุบำรุงดูแลมาจนถึงปัจจุบันนี้ การเดินทางไปเพื่อสักการะพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ ไม่เพียงจะเป็นสิริมงคลกับชีวิตเท่านั้น แต่ยังจะทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนประทับใจในความงามและความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาอีกด้วย
ที่ตั้ง: พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ อยู่ที่เมืองพะโค (หงสาวดี) ประเทศพม่า และคิดค่าบริการเข้าชมคนละ 10 USD ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 20.00 น.
การเดินทาง: นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินตรงมาจากกรุงเทพฯ ไปลงที่กรุงย่างกุ้ง จากนั้นค่อยเลือกโดยสารรถบัสจากย่างกุ้งไปหงสา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถบัสที่สถานีอ่องมิงกะลาในเมืองย่างกุ้ง รถบัสจะจอดที่เมืองพะโค (หงสาวดี) และเมื่อมาถึงก็สามารถเช่ารถรับจ้างไปที่พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอได้โดยตรง