เจดีย์ชเวดากอง
แม้ว่า ณ ปัจจุบันนี้เมืองย่างกุ้งจะกลายเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศเมียนมาร์ไปแล้วความศรัทธาของชาวพุทธ
แต่ความเจริญยังคงถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมและด้านสาธารณูปโภค และที่สำคัญเมืองย่างกุ้งยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์อันเป็นศูนย์กลางจิตใจของชาวเมียนมาร์ หากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสสถานที่อันเป็นหนึ่งเดียวในจิตใจของชาวเมียนมาร์ เจดีย์ชเวดากองคือหมุดหมายปลายทางที่ควรค่าแก่การไปเยือนยลด้วยตาสักครั้งในชีวิต
ศูนย์รวมแห่งดวงใจชาวเมียนมาร์ : เจดีย์ชเวดากองมีความหมายว่าพระเจดีย์ทองคำแห่งเมืองตะเกิง โดยสร้างขึ้นบนเนินเขาที่มีชื่อว่าสิงกุตตะระ ซึ่งคำว่า ชเว แปลว่า ทอง และคำว่า ดากอง นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง โดยในสมัยที่พระเจ้าอลองพญาได้ทำการสถาปนาเมืองนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2298 เล่าขานกันว่าทองในมหาเจดีย์แห่งนี้มีมากมายกว่าทองในธนาคารประเทศอังกฤษเลยทีเดียว อาจจะกล่าวได้ว่าเจดีย์แห่งนี้มีความโดดเด่นมากที่สุดในเมืองย่างกุ้ง โดยความกว้างของเจดีย์แห่งนี้ประมาณ 105 เมตร และมีความสูงทั้งหมดประมาณ 48 เมตร ความสวยงามของเจดีย์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการสรรค์สร้างความวิจิตรตระการตาของผู้ศรัทธาชาวเมียนมาร์ โดยชาวเมียนมาร์จะบริจาคเพชรและพลอยอันมีค่าเพื่อนำมาก่อสร้างเจดีย์ และด้วยความศรัทธานี้เองที่ทำให้มีเครื่องประดับอันมีค่ามหาศาลเป็นจำนวนกว่า 5,000 ชิ้น ว่ากันว่าเพชรที่อยู่บนยอดเจดีย์มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือคน โดยส่วนล่างบริเวณรอบ ๆ ฐานเจดีย์จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปจำนวนมาก และความน่าประทับใจของสถานที่แห่งนี้อันตรึงตาตรึงใจนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ได้แก่ ไม้แกะสลักที่สามารถมองเห็นได้โดยรอบทั่วบริเวณ
สักการะเจดีย์ชเวดากอง : การขึ้นไปสักการะองค์เจดีย์แห่งนี้ หากเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะต้องเสียค่าเข้าชมในราคา 8 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับสติ๊กเกอร์สำหรับติดเป็นเครื่องหมายว่าจ่ายเงินแล้ว หลังจากได้รับสติ๊กเกอร์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่ทางขึ้นของเจดีย์แห่งนี้ได้ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ ขึ้นทางบันได, ลิฟท์ หรือ บันไดเลื่อน ด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างทางขึ้นเจดีย์แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเจดีย์ชเวดากองของชาวเมียนมาร์ ว่าเจดีย์แห่งนี้มีความหมายกับพวกเขาเหล่านั้นมากเพียงใด
วิจิตรอลังการแห่งองค์พระเจดีย์ : ยามที่นักท่องเที่ยวขึ้นมาถึงด้านบนขององค์พระเจดีย์ จะรู้สึกอัศจรรย์ใจในความยิ่งใหญ่อลังการขององค์พระเจดีย์ชเวดากองสีทองเหลืองอร่ามตระการตา ซึ่งทองคำมีน้ำหนักกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมได้โอบล้อมเจดีย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมียนมาร์ไว้ โดยฝีมือช่างทองคำที่ได้นำทองคำมาตีเป็นแผ่นแล้วค่อย ๆ เรียงปิดองค์เจดีย์เอาไว้ ด้วยการสร้างสรรค์จากช่างทองคำชาวเมียนมาร์นี้เอง จึงทำให้เจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่งดงามเต็มไปด้วยสีเหลืองสุกปลั่งสวยตระการตา แม้ในยามค่ำคืนที่ไร้แสงดวงอาทิตย์ องค์พระเจดีย์แห่งนี้ก็ยังคงทอแสงเหลืองเรืองรอง ก่อให้เกิดความประทับใจในความวิจิตรของศิลปะอันเกิดจากแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวเมียนมาร์นั่นเอง
อัญมณีเลอค่า ณ ยอดฉัตร : หากนักท่องเที่ยวพินิจพิจารณาไปยังยอดฉัตรขององค์พระเจดีย์จะแลเห็นเพชรและพลอยอันเป็นอัญมณีล้ำค่าที่ประดับประดาอยู่ทั่วไป โดยยอดเจดีย์ขององค์พระเจดีย์แห่งนี้ถูกประดับประดาด้วยเพชรขนาดใหญ่มากถึง 6 กะรัต และเมื่อยามค่ำคืนมาถึงแสงประกายแห่งเพชรจะตกสะท้อนล้อเลียนแสงไฟ ก่อให้เกิดความงามเกินบรรยาย และมักจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าชมเป็นอย่างยิ่ง
สัมผัสบรรยากาศของศูนย์รวมใจชนชาวเมียนมาร์ : ไม่เพียงแค่การชมความงามขององค์พระเจดีย์แห่งนี้เท่านั้น แต่ทว่านักท่องเที่ยวยังได้โอกาสมาร่วมสักการะและขอพรเพื่อกราบองค์พระเจดีย์ การสักการะและการสวดมนต์จะทำให้จิตใจของนักท่องเที่ยวสงบมากยิ่งขึ้น บริเวณที่กราบขอพรแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นลานกว้างซึ่งสามารถมองเห็นองค์พระเจดีย์ได้อย่างชัดเจน และนักท่องเที่ยวเองก็ยังจะได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความศรัทธาของชนชาวเมียนมาร์อย่างใกล้ชิด
สรงน้ำพระประจำวันเกิด : การกราบขอพรพระสำหรับเพิ่มความอิ่มบุญและอิ่มใจเปรียบเสมือนการเรียกขวัญให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากจะมีการกราบพระขอพรแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมสรงน้ำพระประจำวันเกิด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโดยรอบองค์พระเจดีย์ โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการกับนักท่องเที่ยวทุกชนชาติด้วยป้ายภาษาอังกฤษ อีกทั้ง นักท่องเที่ยวยังสามารถกราบไหว้ขอพรพระพุทธรูปอีกหลายองค์เพื่อเป็นสิริมงคล สำหรับผู้ที่ต้องการนมัสการจำเป็นต้องถอดรองเท้าทุกครั้งที่ถึงทางเข้า และต้องเดินตามเข็มของนาฬิกาขึ้นอยู่กับดวงตามวันเกิดของผู้ที่เข้าชมแต่ละนักษัตร นับเป็นความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเมียนมาร์ โดยบริเวณรอบ ๆ จะแวดล้อมไปด้วยศาลเจ้าเล็ก ๆ เพื่อให้ร่วมสักการะได้อีกด้วย
ประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจของชนชาวเมียนมาร์ : ตำนานการก่อสร้างเจดีย์องค์นี้เริ่มต้นจากพ่อค้าชาวมอญสองคนเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจากการถวายข้าวสัตตูและปวารณาตัวเป็นอุบาสก ยามที่สองพ่อค้าจะจากมา จึงได้กราบทูลขอพระพุทธเจ้าเพื่อให้ทรงประทานอนุสรณ์แทนการบูชาพระองค์ โดยพระพุทธเจ้าได้ทรงประทานเส้นเกศาแปดเส้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวมอญสองคนนั้น และเมื่อสองพ่อค้าชาวมอญได้กลับมา จึงทำการก่อสร้างองค์พระเจดีย์อันเป็นตัวแทนแห่งความศรัทธาและขนานนามเจดีย์แห่งนี้ว่า เจดีย์พระเกศาธาตุ
การเดินทางไปเยือนย่างกุ้งสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่กรุงย่างกุ้งได้เลย และจากนั้นก็เรียกใช้บริการแท็กซี่ โดยจะคิดค่าบริการแบบต่อรองราคาเป็นเงินเหรียญสหรัฐ แต่ราคาเฉลี่ยไปเจดีย์ชเวดากองก็ไม่ควรเกิน 1 – 3 เหรียญสหรัฐ โดยมีค่าบัตรผ่านประตูอยู่ที่ท่านละ 8 เหรียญสหรัฐ และเปิดให้บริการเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลาตี 4 จนถึง 3 ทุ่ม ทั้งนี้ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองตั้งอยู่ที่เนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ว่าชายหรือหญิง หากจะเข้าไปภายในศาสนสถาน ห้ามใส่กางเกงขาสั้นหรือสวมถุงน่องทุกชนิดและจะต้องถอดรองเท้า เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ ทั้งนี้ ศาสนสถานของแต่ละประเทศเปรียบได้กับกระจกเงาสะท้อนให้เห็นถึงคติและความเชื่อของคนในประเทศนั้น หากนักท่องเที่ยวต้องการทำความรู้จักกับประเทศเมียนมาร์ในอีกมิติหนึ่งที่นอกเหนือไปจากสภาพสังคมและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การเลือกไปเจดีย์ชเวดากองคือคำตอบที่ลงตัวมากที่สุด