“เล่งเน่ยยี่ 2” เที่ยววัดจีนในไทย…ใกล้กรุงเทพฯ
หากเอ่ยถึง วัดจีน หลายท่านอาจคิดถึงหนังจีนกำลังภายใน มีหลวงจีนกำลังฝึกวิทยายุทธ…แต่วัดจีนที่ฉันกำลังจะพาไปรู้จักนี้อยู่ในไทย มีหลวงจีน…แต่มิได้ฝึกวิทยายุทธหรอกนะ…
วัดที่ว่านี้ก็คือ “วัดเล่งเน่ยยี่ 2” ตั้งอยู่ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วัดจีน” มีชื่อเต็ม ๆ ว่า วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ มีสถาปัตยกรรมแบบพุทธศิลป์จีนโบราณ ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้ามของปักกิ่ง ถึงจะไม่เคยไป แต่ก็สามารถจินตนาการว่าตัวเองอยู่ที่นั่นได้โดยเพียงแค่ก้าวเท้าเข้าประตูวัดแห่งนี้
ความใหญ่โตโอ่อ่าและความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมทำให้ฉันรู้สึกตัวเล็กจิ๋ว แม้จะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ก็ยังมีความตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ ลวดลายแกะสลักรูปร่างต่าง ๆ ที่ฝังตัวในบานประตู บันไดหิน ผนังวิหารและหน้าต่างบานใหญ่ รังสรรค์ให้ที่นี่โดดเด่นและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของนนทบุรี
ฉันเป็นชาวบางบัวทองตั้งแต่เกิด จึงมีโอกาสได้เห็นจุดเริ่มต้นของวัดตั้งแต่ยังเป็นโรงเจเล็ก ๆ จนปลายปี 2539 จึงได้เริ่มวางศิลาฤกษ์ ตอนที่วัดยังเป็นแค่กองทราย ฉันมักจินตนาการบ่อย ๆ ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร กระทั่งการก่อสร้างเสร็จสิ้น ซึ่งกินเวลานานถึง 12 ปี ฉันก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามันยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก
ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการสร้างวัดเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยชื่อ “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์” นี้ พระองค์ท่านทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานให้
ไฮไลท์ของวัดอยู่ที่พระอุโบสถซึ่งประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ทั้ง 3 พระองค์ คือ พระอมิตาภพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมากราบไหว้ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนมาไม่ถึง
ถัดจากพระอุโบสถขึ้นไปคือ ”วิหารพระอวโลกิเตศวร พระกวนอิมโพธิสัตว์” เป็นที่ประดิษฐานองค์พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร ท่านสามารถทำบุญอายุวัฒนะได้ที่นี่ ในราคา 100 บาท
เดินขึ้นบันไดไปอีกหน่อยเป็น “วิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ” ความสวยงามของวิหารแห่งนี้ จะมีพระพุทธรูปองค์เล็กติดรอบผนังวิหาร ซึ่งถ้าใครพอมีเวลาว่างจะลองนับเล่น ๆ ดูก็ได้ แต่ขอเฉลยไว้ตรงนี้เลยแล้วกันว่ามีทั้งหมดหนึ่งหมื่นองค์ตามชื่อ “หมื่นพุทธ” พอดิบพอดี
ข้อมูลนี้ ฉันแอบกระซิบถามเณรน้อยที่นั่งประจำโต๊ะหน้าวิหารมา…
จะวัดไทยหรือวัดจีน ก็มีสามเณรน้อยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาแล้ว ที่นี่ยังเป็นทั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ห้องเรียน และแหล่งเรียนรู้พระพุทธศาสนามหายานและพุทธศิลป์ราชวงศ์หมิง-ชิง อาคารที่ขนาบซ้ายและขวาของวิหารกวนอิมและวิหารสุขาวดี คือห้องเรียน ห้องสมุดของเหล่านักบวชทั้งหลาย นอกเหนือจากเวลาเรียนแล้ว พวกเขาจะมานั่งประจำจุดต่าง ๆ ภายในวัด ทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการทำบุญแบบต่าง ๆ แก่ผู้ที่มาเยี่ยมชม เพราะถ้ามาที่นี่ ท่านจะอาจไม่ได้มาเพื่อแค่ไหว้พระเพียงอย่างเดียว…
นอกจากความสวยงามแปลกตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ วัดแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับฝากดวง แก้ปีชง และเสริมดวงชะตา ทุก ๆ ปีใหม่ บรรยากาศจะคึกคักขนัดแน่นไปด้วยผู้คนที่หลั่งใหลกันเข้ามาสะเดาะเคราะห์ พร้อมฝากความหวังแก่เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ยะและจี่มุ้ยแชกุง ขอพรให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตตลอดทั้งปี
รวมถึงการทำบุญในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ทำบุญเทียนเสริมดวงชะตาชีวิต ปิดทองรอยพระพุทธบาท ลอยเทียนดอกบัว หยอดเหรียญตามวันเกิด หรือแม้แต่กิจกรรมยอดฮิตอย่างการเสี่ยงเซียมซีของที่นี่ก็จะแตกต่างออกไป คือท่านไม่ต้องเขย่าเพื่อให้ไม้หล่นออกมาจากกระบอก ท่านเพียงแค่อธิษฐานแล้วค่อย ๆ เทไม้เซียมซีออกมาจากรูเล็ก ๆ ตรงปากกระบอก ด้วยวิธีนี้ จะช่วยลดเสียงรบกวนจากการเสี่ยงแบบเดิม ๆ ลงไปได้มากทีเดียว
เพราะความศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการ แต่ขึ้นอยู่กับความศรัทธาและจิตใจของผู้ทำบุญนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากแนะนำก็คือ หากไม่ใช่ช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวจะน้อยกว่าปกติและบรรยากาศโดยรวมภายในวัดจะสงบเงียบ ร่มรื่น เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตให้ช้าลง อยากจะหลบหลีกความวุ่นวายจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ หรืออยากจะพาพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายมาเที่ยวแบบครอบครัวก็จะสะดวกกว่าช่วงเทศกาลมาก ท่านสามารถไหว้พระ ถ่ายรูปและเดินชมรอบ ๆ บริเวณวัดได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบหรือเบียดเสียดกับใคร
สำหรับผู้สูงอายุ ทางวัดก็มีรถเข็นและลิฟท์ให้ใช้บริการ และแม้ว่าแดดจะร้อนจนพื้นหินอ่อนกลายเป็นกระทะ ทางวัดก็มีพรมยางปูตามทางเดินไว้ให้ เพื่อที่จะได้ทำบุญกันอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนเท้ากันเสียก่อน (เนื่องจากท่านต้องถอดรองเท้าตรงทางขึ้นบันได) ห้องน้ำห้องท่าก็สะอาดสะอ้าน ไม่ต้องกังวลเรื่องความสกปรกหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด สำหรับสาว ๆ ที่อยากมาเที่ยว ควรแต่งกายให้สุภาพ ไม่ควรใส่เสื้อสายเดี่ยว กางเกง หรือกระโปรงสั้นเหนือเข่า เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติสถานที่ แต่ถ้าใครใส่มาโดยตั้งใจก็ดี (ก็อากาศมันร้อน) หรือไม่ตั้งใจก็ดี ทางวัดก็จะมีผ้าคลุมเตรียมไว้ให้ แต่ทางที่ดี ถ้าหากเราตั้งใจจะไปวัด ไม่ว่าจะวัดไทยหรือวัดจีน การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยทั้งสตรีและบุรุษก็เป็นเรื่องที่พึงกระทำ ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
“จงเว้นชั่วกลัวบาปกรรมล่วงเกิน จงดำเนินชีวิตสร้างทางกุศล จงทำจิตให้วิสุทธิ์นิรมล สามสิ่งดลคือดำรัสพระศาสดา” – โอวาทปาติโมกข์ พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า.
การเดินทาง
- ถนนรัตนาธิเบศร์ มุ่งหน้าบางใหญ่ เลี้ยวขวาจากแยกบางพลูตรงเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกปั๊ม ปตท. โรงเรียนวัดละหาร วัดจะอยู่ซ้ายมือ
- ถนนชัยพฤกษ์ มุ่งหน้าบางบัวทอง-ไทรน้อย ลงสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางตลาดบางบัวทองประมาณ 1 กิโลเมตร สังเกตโรงเรียนวัดละหารจะอยู่ซ้ายมือ และปั๊มปตท.จะอยู่ขวามือ เลี้ยวขวาตรงสี่แยก วัดจะอยู่ซ้ายมือ
เวลาทำการ – ทุกวัน 6.00 น. – 18.00 น.