จันทบุรี : เมืองเก่า อัญมณีงาม
วันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ถ้าใครวางแผนออกไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยใช้ระยะเวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง จันทบุรี คือตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจที่สุด เพราะมีศักยภาพในเชิงการท่องเที่ยวหลากหลายมาก นอกเหนือจากความเป็นถิ่นหินล้ำค่า และอุดมไปด้วยผลไม้หวานลิ้นนานาชนิดที่เลื่องลือมาช้านานแล้ว ยังอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติป่าเขาเช่นน้ำตกพลิ้ว และน้ำตกกระทิงที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงนักท่องเที่ยวในทุกวันหยุด ส่วนทางภาคทะเลนั้นก็มี โอเอซิส ซีเวิร์ล แหล่งชมการแสดงโลมาแสนรู้ และหาดเจ้าหลาวซึ่งได้กลายเป็นจุดรับโอโซนยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของคนไทยไปแล้ว แค่นี้ยังไม่หมด ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางจิตใจอย่างที่วัดเขาสุกิม ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนแวะไปเดินจาริกแสวงบุญกันอย่างล้นหลามเป็นประจำทุกปี
หากว่ากันตามวิสัยทัศน์ของเมืองที่ร่ายไว้ว่า ศูนย์กลางการผลิต และการค้าผลไม้คุณภาพ อัญมณี และเครื่องประดับชั้นเลิศ แหล่งการค้าชายแดนเชื่อมโยงประชาคมอาเซียน และเมืองน่าเที่ยวน่าอยู่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็คงพอสรุปรวบรัดสั้นๆ ได้ว่า เมืองจันท์นั้นแวะไปเที่ยวกันได้ทั้งปี เพราะมีของดีให้ดูให้เที่ยวชมมากมายไปหมด ถ้าไม่ได้วางแผน ไม่ได้ตระเตรียมเส้นทางไปล่วงหน้า ขอแค่ได้เดินทางไปตั้งต้นตรงย่านใจกลางเมือง แถวๆ ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรี ก็รับรองว่า มีอะไรตั้งมากมายให้ดูให้เดินเที่ยวชมกันได้ตลอดวันแล้ว
ด้วยความที่เป็นเมืองเก่ามีประวัติความเป็นมายาวนาน บวกกับกระแสท่องเที่ยวตลาดย้อนยุคในช่วงหลังๆ มานี้ ทำให้ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร หรือที่รู้จักกันติดปากว่า ตลาดท่าหลวง ในวันนี้ได้กลายเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่ใครๆ ต่างพกกล้องไปเที่ยวหามุมถ่ายรูปเท่ห์ให้เห็นกันทุกวันสุดสัปดาห์ ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าบรรดากองถ่ายภาพยนตร์ และสตูดิโอถ่ายภาพเว็ดดิ้งต่างแวะเวียนมาใช้สถานที่กันอยู่บ่อยๆ
ความเป็นถนนเก่าสายแรกของเมืองจันท์ที่ยังคงกลิ่นอาย และรอยอดีตไว้แทบไม่เสื่อมคลาย แม้จะไม่ใช่ถนนสายยาวเท่าไหร่ แต่ก็มีมุมเก่าโบราณให้เก็บรายละเอียดอยู่ไม่น้อย อย่างเช่น บ้านขุนบูรพาภิผล บ้านตึกทรงยุโรปที่เก่าที่สุดหลังหนึ่งนั้น มีอายุเกินศตวรรษแล้ว ขณะที่บ้านโภคบาล ซึ่งเป็นบ้านไม้ตะเคียนทรงจีนนั้น คนในบ้านยังคงอาศัยสืบทอดกันมาจนเข้าถึงรุ่นที่ 5
ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า เมืองจันท์ในอดีตนั้นมีชาวต่างชาติต่างภาษา ต่างแวะเวียนเข้ามาปักหลักทำกินกันหลากหลาย ไม่ว่า จีน ฝรั่งเศส หรือญวน ซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยความเป็นมาแทรกไว้ตามบ้านเรือนเก่า และวิถีวัฒนธรรมชุมชนจวบจนถึงปัจจุบัน ส่วนจะเป็นอะไร ตรงไหนบ้างนั้น ขออุบเอาไว้ ใครมีโอกาสแวะมาเที่ยว ก็เชิญซอกแซกเก็บสาระจากป้ายบอกเล่าความเป็นมาริมถนนสายอดีตย่านใจกลางเมืองกันตามสะดวกครับ
ไม่ว่าจะเดินซอกแซกในย่านเมืองเก่ามาจากทางทิศไหน ท้ายที่สุดแล้วผู้มาเยือนทุกคนก็ต้องเดินข้ามสะพานไปยังอีกฟากฝั่งของลำน้ำที่ทอดผ่านใจกลางเมือง เพื่อเข้าไปสัมผัสความงดงามทางสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์ทรงกอธิคนิกายโรมันคาธอลิกอายุกว่าศตวรรษที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ซึ่งได้รับการบูรณะให้ดูดีอยู่เสมอมาจวบปัจจุบัน และเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของคู่บ่าวสาวแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว
ความเปลี่ยนแปลงอันน่าสนใจของโบสถ์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 7 ปีก่อน ซึ่งมีการต่อเติมยอดโดมแหลมกลับคืนให้กับตัวอาคารทั้ง 2 ข้าง หลังจากถูกถอดออกไปตั้งแต่ในสมัยมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2483) เพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ
ในละแวกใกล้เคียงโบสถ์เก่าแห่งนี้ ปัจจุบันยังคงบรรยากาศความเป็นชุมชนเก่าแก่ริมสองฝั่งน้ำจันทบูรมาเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ นอกเหนือจากความรุ่มรวยมรดกสารพัดประดับไว้ตามอาคารบ้านเรือนเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ก็แน่นอนว่าต้องมีของอร่อยๆ สูตรโบราณให้ลิ้มลองกันด้วย ร้านอร่อยประจำย่านที่ขอแนะนำ ได้แก่ ร้านก๋วยจั๊บน้ำข้นป้าไหม และร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลเจ๊อี๊ดริมน้ำ ส่วนร้านกินดื่มแบบมีมุมนั่งชมวิวแม่น้ำด้วย ก็ต้องที่ร้านยินดีอาภรณ์ ที่ซึ่งลูกค้าสามารถศึกษาความเป็นมาของชุมชนเก่าแห่งนี้ได้แทบทุกเรื่อง ของหวานลิ้นอีกชนิดที่ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง ก็คือ ไอศกรีมตราจรวด ราคาแท่งละเพียง 10 บาท ซึ่งหวานเด็ดกว่าเจ้าไหนๆ เพราะผลิตโดยโรงงานไอติมแห่งแรกของเมืองจันท์มาตั้งพ.ศ.2502 และยังคงเปิดขายในตึกเก่าอายุนับร้อยปี
ถัดจากย่านเก่าริมน้ำไปไม่ไกลนัก จะเป็นย่านซื้อขายอัญมณีอันเลื่องชื่อของที่นี่ ย้อนไปยังสมัยอดีต เมืองจันท์นั้นเป็นที่เลื่องลือว่าอุดมไปด้วยเหมืองพลอยล้ำค่า โดยเฉพาะที่เขาพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ ห่างจากตัวเมืองไปแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร ไม่มีใครทราบว่า เริ่มมีการขุดพลอยที่นี่กันตั้งแต่สมัยใด หลักฐานเก่าแก่สุดที่พออ้างอิงได้ คือ ข้อความว่า “ได้มีราษฎรนำเอาผลไม้ และพลอย หลากสีมาถวาย” ซึ่งปรากฏในสยามจดหมายเหตุบอกเล่าถึงกรณีการเสด็จประพาสจันทบุรีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปีพุทธศักราช 2419
เข้าถึงยังยุคปัจจุบัน แม้ว่าเหมืองพลอยเมืองจันท์จะกลายเป็นอดีตที่แทบเลือนหายไปแล้ว แต่ทว่าความเชี่ยวชาญในด้านอัญมณีล้ำค่าที่สั่งสมมายาวนานของผู้คนที่นี่ ทำให้จันทบุรีในวันนี้ยังคงรักษาสถานะความเป็นถิ่นการค้าหินสวยล้ำค่าของไทยไว้ได้ยังไม่เสื่อมคลาย ยืนยันได้จากร้านค้าอัญมณี และร้านเจียระไนพลอยที่มีอยู่กว่า 100 ร้าน ซึ่งยังคงมีพ่อค้าพลอยจากทั่วทุกสารทิศที่เข้ามาซื้อขายกันอย่างคึกคัก หินสีที่ฮิตติดต่อกันมาหลายปีก็เห็นจะเป็นพลอยแดงที่นำเข้าจากประเทศโมซัมบิก ซึ่งหลังจากผ่านการเผาและเจียรไนด้วยฝีมือ และภูมิปัญญาช่างเมืองจันท์แล้ว ก็กลายเป็นทับทิมน้ำดีจนสร้างความคึกคักอีกครั้งให้กับวงการค้าพลอยที่นี่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากจะได้เครื่องประดับสีสวยซักชิ้น แนะนำว่าให้ซื้อในร้านที่ดูน่าเชื่อถือ ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ตรงไปที่ ศูนย์อัญมณี และเครื่องประดับ ในซอยมหาราชได้เลย แม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอก แต่ก็พอมั่นใจว่าได้ของแท้แน่นอน เพราะที่ขายกันให้คึกคักตามตลาดค้าพลอยวันนี้นั้น ส่วนใหญ่เป็นพลอยเทียม และเน้นระบบขายส่งเสียส่วนมาก
ใครอยากเดินดูบรรยากาศ ก็ต้องไปเที่ยวในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ระหว่างสิบโมงเช้า-บ่ายสาม
และถ้าตัดสินใจจะซื้อเครื่องประดับกลับบ้านให้ได้ในทริปนี้ ก็คงต้องค่อยๆ เลือก ค่อยๆ เฟ้นเอาตามกำลังทรัพย์ในกระเป๋า ใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกนิด ก็รับรองว่าต้องได้ของที่ระลึกสวยถูกใจ แบบไม่มีกระเป๋าฉีกแน่นอน