ดื่มด่ำธรรมชาติป่าชายเลนชานกรุงฯ

ธรรมชาตินั้นเปรียบดั่งแม่ผู้ให้กำเนิด ผู้มีความฉลาดลำลึกยิ่งนัก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นอย่างมีหลัก การ และต่างมีความเกี่ยวสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างแยกไม่ออก เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์พยายามจะแบ่งแยกธรรมชาติออกเป็นส่วนๆ นั่นอาจหมายถึงการทำลายความสมดุลของทั้งโลก
เฉกเช่นธรรมชาติสวยริมชายฝั่งทะเล นอกจากมีหาดทรายขาวและน้ำใสแล้ว ยังประกอบไปด้วยผืนป่าชายเลนอันร่มรื่น ซึ่งมีประโยชน์ต่อทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ป่า และเหล่ามวลมนุษยชาติ
ป่าชายเลนนั้นสร้างผลประโยชน์ให้กับมนุษย์อย่างมหาศาล ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งผลิตไม้โกงกางเพื่อนำมาเผ่าเป็นถ่านไม้ชั้นดีเหมือนเช่นในอดีต จนทำให้ป่าชายเลนถูกแผ้วถางทำลายไปจำนวนมหาศาล
มองในเชิงระบบนิเวศน์ ป่าชายเลนนอกจากเป็นแหล่งให้กำเนิดและเพาะพันธุ์พืชและสัตว์น้ำนานาชนิด ตามประสาผืนป่าธรรมชาติแล้ว รากและลำต้นยังทำหน้าที่คล้ายแนวปราการป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง และมีคุณสมบัติช่วยกรองสิ่งปฏิกูลในน้ำก่อนไหลหลงสู่ทะเลได้อย่างดีเลิศ จนอาจกล่าวได้ว่า ที่ใดมีป่าชายเลน ที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ เปรียบไม่ต่างอะไรกับอู่ข้าวอู่น้ำ ของชาวประมงตามแนวชายฝั่งเลยทีเดียว
ป่าชายเลนนั้นมีคุณค่าต่อสรรพชีวิตมากมายแค่ไหน ต้องหาโอกาสไปเที่ยวชมดูสักครั้ง และไม่จำเป็นต้องออกเดินทางไปไหนไกลๆ เอาแค่ป่าชายเลนละแวก“บางกอก” หรือชายทะเลใกล้กรุงเทพฯ ก็เพียงพอกับการออกไปเปิดหูเปิดตา สูดอากาศอันสดชื่นในวันหยุดกันแล้ว

จุดท่องเที่ยวชมวิวทะเลบางกอกยอดนิยมที่สุด คงหนีไม่พ้นทะเลบางขุนเทียน ป่าชายเลนทางแถบนี้เหลือไม่มากนัก แต่ก็มีจุดสนใจตรงที่ความเป็นทะเลในเขตกทม. นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือออกจากฝั่งไปทานอาหารกัน ณ ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ แล้วแวะเก็บภาพที่ระลึกหลักเขตกทม. และซากเสาไฟฟ้า สิ่งปลูกสร้างกลางทะเลที่ยังคงหลงเหลือไว้ พอช่วยยืนยันว่าแต่เดิมพื้นที่ทางแถบนี้เคยเป็นผืนแผ่นดินส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ มาก่อน หวนนึกกลับไปในอดีต ถ้าผืนป่าชายเลนแถบนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเหมือนอย่างในสมัยที่ยังเป็นกรุงบางกอก อัตราการกัดเซาะแผ่นดินชายทะเลคงไม่ลุกลามเร็วและสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้แน่ๆ
อยากสัมผัสกับธรรมชาติป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด ก็คงต้องหาโอกาสไปเดินสะพานไม้ทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่ทางเขตบางขุนเทียนได้สร้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมานานนับกว่าสิบปีแล้ว มีการซ่อมแซมปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อพ.ศ.2545 แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันได้กลับไปสู่สภาพทรุดโทรมตามกาลเวลาอีกหนแล้ว หนทางเดินไม่ค่อยราบรื่นนัก และถ้าใครคิดจะมาเดินเที่ยวชมกันในวันธรรมดา ก็ต้องขอบอกว่า บรรยากาศค่อนข้างวังเวงพอสมควร หากไม่ชอบชมธรรมชาติในบรรยากาศแสนเปลี่ยวจนน่าหวาดวิตกเช่นนี้ อาจจะต้องปรับจุดหมายไปจังหวัดใกล้เคียง อย่างจังหวัดสมุทรปราการ คงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
จุดชมป่าชายเลนที่อยากแนะนำกันคือที่ ป้อมพระจุลจอมเกล้า เขตอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งมีพรมแดนติดกัน ก็เลยใช้เวลาเดินทางจากบางขุนเทียนไปไม่นานนัก
ผืนป่าชายเลนเล็กๆ ภายในเขตกองทัพเรือแห่งนี้ แม้จะไม่ได้กว้างใหญ่นัก แต่ก็ให้บรรยากาศเขียวร่มรื่นและรู้สึกปลอดภัยกว่าเยอะเลย จัดว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนย่านใกล้กรุงที่ดี เพียงพอแก่การแวะไปเดินสูดอากาศสดชื่นในวันหยุดให้เต็มปอด เพราะได้สัมผัสป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด
ในวันที่อากาศแจ่มใส แค่เจียดเวลาสักชั่วโมงกับการเดินเที่ยวชมธรรมชาติเขียวๆ ร่มรื่นแบบสบายๆ ไปตามสะพานไม้ระยะทางราว 300 เมตรที่ทางกองทัพเรือได้ตระเตรียมไว้เป็นโรงเรียนศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน นับว่าเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงวันหยุดสำหรับคนเมืองใหญ่ได้ไม่น้อย จุดเริ่มต้นเส้นทางสำรวจนั้นก็หาไม่ยากเลย เพราะอยู่ข้างๆ สโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง แหล่งนัดพบของคนรักความอร่อยแห่งป้อมพระจุลฯ นั่นเอง
บางจังหวะก้าวเดินในป่าโกงกางผืนใหญ่ใกล้เมืองกรุงฯ แห่งนี้ คุณจะได้ตื่นตากับวิถีแห่งสมดุลธรรมชาติป่าชายเลน อันประกอบไปด้วยปู ปลาตีน ลิงแสม และนกนานาชนิด ที่ร่วมกันใช้ผืนป่าอันอุดมไปด้วยต้นโกงกางแห่งนี้เป็นที่อาศัย ตุนเสบียง และขยายพันธุ์ ซึ่งการจะเข้าถึงธรรมชาติได้นั้น คุณต้องทำตัวให้ผ่อนคลาย สูดอ็อกซิเจนให้เต็มปอด แล้วค่อยๆ สดับเสียงธรรมชาติ ในผืนป่า จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการหามุมเหมาะๆ นั่งสูดโอโซนชมวิวชิลล์ๆ ในศาลาริมทะเลย่านปากน้ำ แค่นี้ก็นับว่าเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงวันหยุดสำหรับคนเมืองใหญ่ได้ไม่น้อย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ เลย

เพื่อให้ได้อรรถรสในการเที่ยวชมป่าชายเลนย่านชานกรุงฯ แบบครบวงจร ก็คงต้องลอยเรือออกไปชมนอกชายฝั่งเพื่อเปลี่ยนมุมมอง และสัมผัสกับชีวิตธรรมชาติอันน่าตื่นตา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อันอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าชายเลน กิจกรรมอันน่าตื่นตาที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง คือ การเช่าเรือออกตามหา ปลาเจ้า หรือ พ่อปู่ สัตว์ประจำถิ่นแห่งท้องทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งรู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการว่า วาฬบรูดา (Bryde’s Whale)นั่นเอง
แม้ว่าผืนป่าชายเลนจะถูกทำลายอย่างมโหฬารเพียงไร ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เรายังมีโอกาสได้เห็นวาฬบรูดาแหวกว่ายอยู่ในทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ อย่าง บางขุนเทียน สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เพราะนี่คือดรรชนีชี้วัดว่า ทะเลอ่าวไทยเรายังมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะฝูงปลากระตักตามธรรมชาติจำนวนมหาศาล หล่อเลี้ยงวาฬตัวโตๆ ให้มีชีวิตอยู่รอดได้
ฤดูที่เหมาะสมสำหรับการออกเรือชมวาฬ คือช่วงฤดูฝนต่อต้นหนาว หรือราวเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฝนชุกจนเกิด ภาวะน้ำเบียด คือมีกระแสน้ำจืดริมฝั่งไหลลงทะเลมากเป็นพิเศษ ซึ่งมาพร้อมกับสารอาหารและแพล็งตอนจำนวนมาก ล่อให้ฝูงปลาเล็กๆ เข้าหากินใกล้ชายฝั่ง รวมทั้งฝูงปลากระตักจำนวนนับล้านๆ และนี่เองที่ล่อให้ฝูงวาฬบรูดาซึ่งปรกติหากินในทะเลลึก เข้ามาป้วนเปี้ยนในน้ำลึกระดับแค่ 5-10 เมตร เพื่อสวาปามอาหารอันโอชะ
ใครอยากเห็นวาฬบรูด้าเข้ามาแหวกว่ายให้ดูใกล้ๆ คงต้องไปหาคนขับเรือจ้างผู้ช่ำชองแถวๆ ทะเลมหาชัย เพราะที่นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการนั่งเรือย้อนกลับมาตามล่าหาวาฬในทะเลกรุงเทพฯ และถ้าโชคดี คุณก็จะได้ตื่นตากับภาพวิถีธรรมชาติอันน่าประทับใจที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอยู่ใกล้เมืองกรุงแค่เนี้ย.