“หมีเซิน” เมืองมรดกโลก
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หรือชอบที่จะศึกษาศิลปะโบราณ อย่างการชมปราสาทหินเก่าแก่ เจดีย์โบราณ หรืออารยธรรมที่หลงเหลืออยู่ของชนเผ่าต่างๆ ในประเทศ
คุณอาจจะถูกใจกับสถานที่ท่องเที่ยวมรดกโลกของเวียดนาม อย่างกลุ่มปราสาทหมีเซิน ก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสถานที่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตที่ผู้เข้าชมจะได้เห็นถึงความอัศจรรย์ในการก่อสร้างแบบโบราณ และรูปแบบของศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาในช่วงเวลานั้น ๆ
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary) หรือที่รู้จักกันดีในอีกสมญาหนึ่งว่า “หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน” โบราณสถานที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาสูง ล้อมรอบด้วยภูเขาในเขตจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) จังหวัดทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างเมืองฮานอยและดานัง โดยอยู่ห่างจากเมืองฮานอยประมาณ 40 กิโลเมตร ส่วนเมืองดานังประมาณ 70 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร โดยคำว่า หมีเซิน (My Son) มีความหมายว่า ภูเขาอันสวยงาม
หมีเซิน จัดเป็นโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมแบบฮินดูที่สมบูรณ์ และเก่าแก่ที่สุดในอินโดจีน อดีตเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรจาม หรือ จามปา ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 ในศตวรรษที่ 4 โดยถูกใช้เป็นศาสนสถานตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ในการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บันดาลพรและคุ้มครองราชวงศ์จาม รวมถึงเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์ ในยุครุ่งเรืองอาณาจักรจามครอบคลุมอาณาเขตตั้งแต่พื้นที่ทางตอนใต้ของฮานอย ไปถึงเวียดนามใต้ และจรดภาคตะวันออกของกัมพูชา ราชวงศ์ที่ครองราชย์มีด้วยกัน 14 ราชวงศ์ 78 พระองค์ ก่อนที่จะล่มสลายในช่วงศตวรรษที่ 15
ร่องรอยอารยธรรมอันเก่าแก่ของหมีเซิน ยังคงหลงเหลือให้ผู้มาเยือนได้เห็นอยู่โดยรอบ หากเดินไปตามทางภายในนครแห่งนี้จะสามารถพบเห็นสิ่งปลูกสร้างหลัก ๆ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมจากการก่อสร้างโดยใช้อิฐแบบโบราณ มีการแกะสลักนิทานพื้นบ้านของศาสนาฮินดูบนป้ายหินทราย และรูปสลักบนกำแพงอิฐ แสดงให้เห็นถึงศิลปะที่ประณีตสวยงามของชาวจาม การสร้างอาคารใช้ซุ้มประดับ และใช้เสาประดับผนัง ศิลปะของจามคาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของขอม ชวา และอินเดีย แต่นำมาประยุกต์จนมีรูปแบบเฉพาะของตนเอง รวมถึงสามารถพบเห็นศิวลึงค์ หน้าบันรูปพระศิวะ แท่นบูชาตามความเชื่อของศาสนา และหินแกะสลักเทพต่าง ๆ เป็นต้น
อาณาจักรจามเดิมประกอบไปด้วยกลุ่มปราสาทน้อยใหญ่ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ ราว 73 หลัง แต่ในช่วงปีค.ศ. 1969 หรือช่วงสงครามเวียดนามนั้น สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทหารเวียดนามใช้เป็นพื้นที่กองบัญชาการเพื่อรบกับอเมริกาที่ยกพลขึ้นบกบริเวณชายหาดเมืองดานัง และได้ถูกทหารอเมริกานำเครื่องบิน B-52 ทำการทิ้งระเบิดแบบปูพรมในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้อาณาจักรหมีเซินเสียหายเป็นอย่างมาก ปัจจุบันปราสาทที่เหลือจึงมีเพียงแค่ 22 หลังเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันมีการแบ่งปราสาทออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยใช้ตัวอักษรกำกับ มีตั้งแต่กลุ่ม A จนถึง K ทว่าปราสาทในกลุ่ม A ถูกทำลายจากช่วงสงครามจนหมดสิ้น
หมีเซินเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปี ค.ศ. 1995 หลังจากได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ เปลี่ยนแปลงและซ่อมบำรุงจุดต่าง ๆ ให้สามารถเยี่ยมชมได้ ต่อมาในปี ค.ศ.1999 ทางองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ได้รับรองให้หมีเซินเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ จากหลักเกณฑ์ที่ว่า ปราสาทแห่งนี้เป็นเสมือนหลักฐานทางวัฒนธรรม และอารยธรรมที่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว โดยโบราณสถานแห่งนี้ยังได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกพร้อม ๆ กับเมืองมรดกโลกฮอยอันอีกด้วย
หมีเซิน เปิดทำการตลอดทั้งปี มีค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าชม 50,000 ด่อง คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 170 บาท ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า เพราะอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป การเดินทางมายังหมีเซิน สามารถมาได้โดยนั่งเครื่องบินมาลงยังสนามบินฮานอย อย่างไรก็ดี แนะนำว่าให้ซื้อทัวร์แบบ One day trip ราคาประมาณ 8 USD จากบริษัทผู้ให้บริการท่องเที่ยวของเวียดนาม ซึ่งขากลับจะมีให้เลือกระหว่างเดินทางกลับด้วยรถบัส หรือจะเดินทางกลับทางเรือก็ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจศิลปะแบบจาม นอกจากการเดินเที่ยวชมกลุ่มปราสาทหมีเซินแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์จามแห่งเมืองดานัง (Da Nang Museum of Cham Sculpture) ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง บริเวณหัวมุมติดถนนสองสาย ได้แก่ ถนนสองกันยา และถนนจึงญือเวือง สถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารสองชั้นแบบเปิดโล่ง สร้างขึ้นในแบบกอทิก โดยสถาบันวิจัยทางโบราณคดีแห่งฝรั่งเศส ในปีพ.ศ. 2479 วัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อเก็บรักษา และจัดแสดงวัตถุที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรจาม จากการค้นพบตามแหล่งอารยธรรมของชาวจาม อาทิ กำแพงเมือง และพระปรางค์ต่าง ๆ ซึ่งห้องจัดแสดงจะถูกแบ่งออกไปตามสถานที่ที่ค้นพบวัตถุ ได้แก่ ห้องหมีเซิน ห้องจ่าเกียว ห้องท้าปเหมิ่น และห้องด่งเซือง ปัจจุบันมีการเก็บรักษาสมบัติทางประวัติศาสตร์เหล่านี้อยู่ที่ 2,000 ชิ้น โดยมีเพียง 500 ชิ้นเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้นำมาจัดแสดงให้คนทั่วไปได้ชื่นชม ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 30,000 ด่อง
สิ่งที่น่าทึ่งแฃะน่าสนใจไปกว่านั้นก็คือโบราณสถานแห่งอาณาจักรจาม และพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องนั้นมักจะมีผู้คนหมุนเวียนมาชื่นชมไม่ขาดสาย ยืนยันได้จากจำนวนผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตกปีละไม่ต่ำกว่าล้านคน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาณาจักรแห่งนี้เต็มไปด้วยศิลปะที่งดงาม และเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้าไปชมเก็บภาพความประทับใจด้วยตาตนเองจริง ๆ ก็เป็นได้.