“อินทรามูรอส” นครแห่งความทรงจำ
หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกล้วนแล้วแต่มีประวัติศาสตร์ และอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แต่จะด้วยภัยธรรมชาติ หรือภัยสงครามก็ตาม
ทำให้สิ่งที่เคยรุ่งเรืองเหล่านั้นกลายเป็นเพียงภาพความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดผ่านการบอกเล่าของคนรุ่นก่อน
หรือทิ้งไว้ในรูปของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นบันทึกเรื่องราว หรือแม้แต่เศษซากของสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้คนรุ่นหลังต่อๆ มาได้ศึกษาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายๆ แห่งได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่นเดียวกับอินทรามูรอส (Intramuros) เมืองโบราณที่เป็นแลนด์มาร์คของกรุงมะนิลา ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่พร้อมจะดึงดูดผู้มาเยือน
ประเทศฟิลิปปินส์ นอกเหนือจากการมีชื่อเสียงในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างหมู่เกาะ หรือภูเขาไฟที่น่าทึ่งแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีเสน่ห์เชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในเชิงศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้เข้ามา ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของผู้คน ที่มีความผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก จากการเข้ามาของสเปนและอเมริกาในยุคล่าอาณานิคม “อินทรามูรอส” ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในยุคนั้น จึงถือเป็นอาณาจักรสำคัญที่รวบรวมสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก เดิมทีมีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อป้องกันการโจมตีจากข้าศึกและโจรสลัดของชาวสเปน โดยมีผู้นำการก่อสร้างคือ Miguel Lopez de Legazpi ในช่วงปีค.ศ.1571
อินทรามูรอส ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของอ่าวมะนิลา ทางตอนใต้ของแม่น้ำปาซิก (Pasig River) มีลักษณะเป็นป้อมปราการ และกำแพงที่แต่ละด้านยาว 4 กิโลเมตร โอบล้อมชุมชนและสถานที่สำคัญไว้ภายใน กลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่เหมือนกับชื่อที่มีความหมายว่า ภายในกำแพง หรือ within the walls ในภาษาสเปน โดยก่อนหน้าที่จะมีการสร้างกำแพงแห่งนี้ขึ้น บริเวณดังกล่าวเป็นศูนย์กลางสำคัญในการติดต่อค้าขายกับพ่อค้าจากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเกาะบอร์เนียว ของ เกาะลูซอน (Luzon Island) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์และเป็นที่ตั้งของกรุงมะนิลา ซึ่งถูกปกครองโดยมหาราชา ฮะยัม วูรุค แห่งราชวงศ์มัชปาหิต ในช่วงศตวรรษที่ 14 แต่ในช่วงปีค.ศ.1485 ได้ถูกรุกรานโดยสุลต่านโบลเกียห์ (SultanBolkiah) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสุลต่านแห่งบรูไน ทำให้อินทรามูรอสกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอิสลาม ก่อนจะถูกชาวสเปนเข้ายึดในปี 1571 และเปลี่ยนมะนิลาให้กลายเป็นเมืองหลวงของอาณานิคม
หลังจากที่ฟิลิปปินส์ถูกปกครองโดยสเปนมาเป็นเวลากว่า 190 ปี อินทรามูรอสได้ถูกเปลี่ยนมือไปสู่การครอบครองของอังกฤษในช่วงปีค.ศ. 1762 และในอีก 2 ปีต่อมาสเปนได้ช่วงชิงกลับมาได้อีกครั้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนมือผู้ครอบครองสู่สหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1898 และในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกทหารญี่ปุ่นทำลายไปบางส่วน พร้อมกับเข้ายึดครอง ทำให้ในอดีตเมืองแห่งนี้ได้ผ่านมรสุมภัยสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า ประกอบกับการเผชิญกับแผ่นดินไหว ไฟไหม้ หรือกระทั่งพายุ จนกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด แต่ในปัจจุบันเมืองโบราณแห่งนี้ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจากการบูรณปฏิสังขรณ์ของรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพื่อให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นแหล่งรวมของสถานที่สำคัญ รวมถึงสถานที่ราชการ และชุมชน
ภายในเมืองโบราณอินทรามูรอส มีพื้นที่ประมาณ 395 ไร่ มีสถานที่สำคัญที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์ อาทิ ป้อมซานติเอโก (Fort Santiago) ปราการสำคัญในการป้องกันข้าศึกที่มาจากอ่าวมะนิลา โบสถ์ซานอากุสติน (San Agustin Church) โบสถ์หินอ่อนขนาดใหญ่โอ่โถงสวยงามที่ได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมจากสเปน ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1993 โดยโบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของศาสนาคริสต์ และเป็นสิ่งถูกสร้างแห่งเดียวในอินทรามูรอสที่รอดจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลก สุสานทหารอเมริกา (Manila American Cemetery and Memorial) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 615,000 ตารางเมตร ภายในประกอบไปด้วยสุสานทหารอเมริกาที่เสียชีวิตในสงครามโลก ครั้งที่ 2 และที่สำหรับสวดมนต์ซึ่งมีสมุดบันทึกไว้อาลัยเตรียมไว้สำหรับผู้ที่มาเยือน คาซา มะนิลา (Casa Manila) ในอดีตเคยเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงชาวสเปน ปัจจุบันเป็นถนนสายเล็กๆที่แต่ละฝั่งถนนเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปน ภายในถูกจัดแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงาม จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสเปนในอดีต และสวนไรซาล (Rizal Park) สวนหย่อมขนาดใหญ่ และที่ตั้งของอนุสาวรีย์ โฮเซ่ ไรซาล (Jose Rizal) ผู้นำการปลดแอกฟิลิปปินส์จากการปกครองของสเปน ในช่วงปีค.ศ 1896 – 1898 ซึ่งนอกจากจะเป็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงผู้นำคนสำคัญของฟิลิปปินส์แล้ว ยังเป็นหลักกิโลเมตรเพื่อใช้ในการวัดระยะของถนนทุกสายบนเกาะลูซอนอีกด้วย
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแล้ว อินทรามูรอสยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ อย่าง วิทยาลัยซานฮวน เดอ เลตราน (Colegio de San Juan de Letran) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1620 แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลก ทำให้ฟิลิปปินส์สร้างสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นใหม่ในบริเวณเดิม เช่นเดียวกับสถานศึกษาอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายในช่วงเดียวกัน
แม้ว่าจะถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติและภัยสงครามมาหลายครั้งหลายครา แต่อินทรามูรอสก็ยังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลามานับ 400 ปี เพื่อเป็นตัวแทนในการฉายภาพความทรงจำของฟิลิปปินส์จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ให้คนฟิลิปปินส์และนักท่องเที่ยวได้ศึกษาประวัติศาสตร์ และชื่นชมไปกับความแข็งแกร่งของเมืองแห่งนี้ที่แม้จะร่วงโรยไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็สามารถฟื้นคืนชีวิตมาบอกเล่าเรื่องราวแห่งอดีตต่อได้ จึงไม่น่าแปลกใจ หากสถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนกรุงมะนิลาเป็นต้องขอแวะเข้ามาเยี่ยมชม การเดินทางมายังเมืองโบราณทำได้โดยการนั่งรถ shuttle bus จากสนามบินนานาชาติกรุงมะนิลา และมาต่อรถไฟฟ้าเพื่อลงสถานี Central Terminal Station ส่วนการเข้าชมนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยช่วงเวลาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอยู่ระหว่างเวลา 09.00 – 17.00 น. ของทุกวัน .