ลัดเลาะชมป่าห้วยขาแข้ง
การท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสธรรมชาติ ไม่ว่าเมื่อใดก็เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ ยิ่งปัจจุบันนี้พื้นที่ธรรมชาติหาได้ยากเต็มที การพาตัวเองไปยังพื้นที่ธรรมชาติ
ได้เห็นสีเขียวของแมกไม้ เห็นสิ่งมีชีวิตนานาชนิด ย่อมเป็นการชาร์จแบตให้กับคนเมืองได้รู้สึกผ่อนคลาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าหลาย ๆ ครอบครัว รวมถึงบรรดานักเดินป่าจะประทับใจทุกครั้งเมื่อได้มายังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละเพื่อการอยู่ร่วมกัน
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ อยู่ในเขตตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เป็นป่าต้นน้ำ และนอกจากนี้ยังครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ อำเภอบ้านไร่ อำเภอห้วยคต และอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก โดยมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 3,609,375 ไร่ หรือ 5,775 ตารางกิโลเมตร สภาพโดยทั่วไปเป็นภูเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ที่ระหว่างประมาณ 200 – 1,650 เมตร เป็นต้นน้ำของลำห้วยหลายสาย ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ ห้วยขาแข้ง ” นั่นเอง โดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านี้ได้รวมพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเข้ามาด้วย จึงทำให้เป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ถูกเรียกว่า “ ผืนป่าตะวันตก ” เนื่องจากอยู่ในภูมิภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งป่าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ในปี พ.ศ. 2534 จากการผลักดันของสืบ นาคะเสถียร ก่อนที่จะเสียชีวิต สำหรับป่าแห่งนี้มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ โดยลักษณะของพันธุ์ป่าประกอบด้วยป่าดงดิบ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าผลัดใบสลับกับทุ่งหญ้าต่าง ๆ ในส่วนของสัตว์ป่านั้นพบกว่า 750 ชนิด กระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งรวมถึงสัตว์ป่าหายาก และสัตว์ป่าสงวน อาทิ กระทิง สมเสร็จ นกยูง ไก่ฟ้า นกหัวขวาน กวาง เก้ง วัวแดง ค่าง ชะนี เป็นต้น ซึ่งผู้ที่มาที่นี่สามารถพบเห็นร่องรอยของสัตว์เหล่านี้ได้
พื้นที่ภายในผืนป่าตะวันตกบางส่วน เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสธรรมชาติ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด ดังนั้นกิจกรรมยอดนิยมเมื่อมาถึงที่นี้ คือ การเดินศึกษาธรรมชาติ หรือเทรล (trail) ซึ่งก่อนจะเดินป่าชมธรรมชาตินั้น แนะนำให้ลองแวะคารวะอนุสาวรีย์สืบ นาคะเสถียร และอนุสรณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละชีวิตปกป้องผืนป่าแห่งนี้สักนิด จากนั้นเข้าชมอาคารนิทรรศการมรดกโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวร ที่เกิดจากการร่วมมือของเขตฯ และบริษัทปตท.สผ. เพื่อเรียนรู้ภาคทฤษฎี ก่อนเข้าสู่การปฏิบัติจริง
การทำกิจกรรมเดินสำรวจธรรมชาตินั้น ควรเลือกแต่งกายด้วยสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ในขณะเดินไปตามทางควรพยายามเดินให้เกิดเสียงน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้บรรดาสัตว์ป่าซึ่งมีประสาทสัมผัสที่ดีนั้นเกิดตื่นตกใจ และที่ขาดไม่ได้คือการใช้จินตนาการ เมื่อเห็นร่องรอยต่าง ๆ ที่สัตว์ทิ้งเอาไว้ อาทิ รอยเท้า รอยเล็บบนต้นไม้ เป็นต้น โดยจินตนาการไปว่ารอยที่เห็นนั้นเกิดจากอะไร และเพราะอะไร เส้นทางที่เป็นไฮไลท์ของการทำกิจกรรมนี้คือ “ ทางเดินศึกษาธรรมชาติบ้านของเสือ ” ซึ่งทางเข้าเส้นทางแห่งนี้อยู่ใกล้กับอาคารนิทรรศการมรดกโลก ลักษณะของเส้นทางจะเป็นทางเดินดินแคบ ๆ ระยะทาง 800 เมตร ผ่านป่าเต็งรัง ที่เป็นบริเวณที่เสือในเขตพื้นที่แห่งนี้ออกหากิน สำหรับเสือที่พบในห้วยขาแข้งนั้นมีถึง 7 ชนิด ได้แก่ เสือโคร่ง เสือดาว เสือไฟ เสือปลา เสือลายเมฆ แมวลายหินอ่อน และแมวดาว
นอกเหนือจากจุดบ้านของเสือแล้ว ห้วยขาแข้งยังมีจุดต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาดินแดง เส้นทางยอดนิยม มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ที่ต้องใช้เวลาในการเดินชมเส้นทางแห่งนี้ถึง 4 ชั่วโมง ซึ่งภายในเส้นทางจะได้พบกับนก และสัตว์ป่าต่าง ๆ โดยสามารถขอคู่มือในการเดินชมเส้นทางแห่งนี้ได้ที่สำนักงานฯ ลำห้วยทับเสลา ลำน้ำที่มีความสวยงามตามธรรมชาติแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีน้ำใสสะอาดไหลผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ตลอดปี ซึ่งลำน้ำแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสะแกกรัง น้ำตกที่มีความสูงประมาณ 50 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งน้ำตกนี้เป็นส่วนหนึ่งของลำห้วยทับเสลา รวมถึงในเขตห้วยขาแข้งนั้นเต็มไปด้วยโป่งชนิดต่างๆ เช่น โป่งหญ้า โป่งสมอ โป่งเทียน ซึ่ง “ โป่ง ” คือแอ่งดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ที่สัตว์ป่าที่เป็นสัตว์กินพืชจะมากินแร่ธาตุในดินเหล่านี้เนื่องจากเป็นแร่ธาตุที่หาไม่ได้จากพืช โดยจะสังเกตได้ว่ารอบ ๆ โป่งนั้นจะมีรอยเท้าของสัตว์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงรอยเท้านักล่าอย่างเสือที่มาเพื่อล่าเหยื่อ
ภายในพื้นที่เขตฯ มีสถานที่พักแรม ซึ่งหากมีความประสงค์จะเข้าพักจะต้องติดต่อไปยังฝ่ายจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ล่วงหน้า อย่างน้อย 20 วัน โดยจุดที่อนุญาตให้พักแรมได้ ได้แก่ บริเวณสำนักงานเขตฯ มีบ้านพัก 3 หลัง ขนาดที่พัก 10 – 30 คน และอาคารฝึกอบรม พักได้ประมาณ 80 คน ด้านการเดินทาง สามารถเดินทางจากตัวเมืองอุทัยธานี ซึ่งมีระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร โดยเดินทางมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3438 (สายอุทัยธานี-หนองฉาง-ลานสัก) จากนั้นเมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 53 จะพบทางแยกให้เลี้ยวไปทางซ้ายประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงสำนักงาน
ลักษณะภูมิอากาศที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น ปกติจะมีอากาศร้อน มีช่วงอากาศเย็นเพียงช่วงสั้น ๆ ในฤดูหนาว ส่วนฤดูฝนจะมีฝนตกหนักตลอดวัน และในฤดูฝนผู้ที่เข้ามาที่นี่จะไม่สามารถนำรถเข้ามาได้ เพราะบางจุดจะมีน้ำท่วมขัง อีกทั้งเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาดินแดงนั้น จะปิดในช่วงเดือนเมษายน ดังนั้นหากใครมีแผนที่จะพาครอบครัว หรือหมู่คณะมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติ ควรสำรวจสภาพอากาศในช่วงที่จะเดินทางและเคารพกฎกติกาที่สถานที่กำหนดไว้ เพื่อให้ทริปการเที่ยวป่าเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี