แจ้งเกิด “บั๋นหมี่” อาหารเวียดนามในไทย
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทำให้เกิดการค้า การลงทุน ข้ามประเทศระหว่างกันในภูมิภาค รวมถึงนักลงทุนจากประเทศเวียดนามที่ได้นำ บั๋นหมี่ เมนูยอดนิยมของคนเวียดนาม
เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยทำให้เราเห็นเมนู “บั๋นหมี่” อาหารยอดนิยมของเวียดนามในประเทศไทยเป็นครั้งแรก มาทำความรู้จักกับ บั๋นหมี่ คืออะไร บั๋นหมี่ “BanhMi” แซนวิสเวียดนาม เป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส ในช่วงที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของยุโรป โดยเฉพาะขนมปังกรอบ ซึ่งเป็นขนมปังฝรั่งเศสที่คนเวียดนามคุ้นเคยและรับประทานกันเป็นอาหารหลัก โดยบั๋นหมี่จะเป็นการนำขนมปังมาผ่าฉีกทาด้วยปาเต(ตับบด) และสอดไส้ด้วยเนื้อสัตว์ ผักดอง แตงกวา แครอท ผักชี ราดด้วยมายองเนส เวียดนาม และซอส
สำหรับเมนูบั๋นหมี่ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มของผู้บริโภคคนไทยมากนัก แต่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา เพราะประเทศเหล่านี้ จะมีกลุ่มคนเวียดนามอพยพไปพักอาศัย ซึ่งก็นำบั๋นหมี่เข้าไปทำขายกันเองในหมู่ของคนเวียดนาม แต่กลับได้รับความนิยมในกลุ่มของคนท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย จึงทำให้คนยุโรป และสหรัฐอเมริกา ต่างรู้จักบั๋นหมี่เป็นอย่างดี
จุดเริ่มต้น บั๋นหมี่ ในประเทศไทย
ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีบั๋นหมี่ขายในประเทศไทยอย่างเป็นจริงเป็นจังมาก่อน จนกระทั่งเมื่อ“Mr.Richard Pham” “ริชชี่” ซึ่งเป็นคนเวียดนาม ที่ได้ไปเติบโตในประเทศออสเตรเลีย และได้พบกับ แฟนสาว “วณิชชา วัฒนวาณิชกร” “โบว์” ซึ่งเดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียก่อนที่จะได้มาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญในการเปิดร้าน BanhMi BO ร้านบั๋นหมี่ในประเทศไทยแห่งแรก ที่ซอยสุขุมวิท 33
“วณิชชา” เล่าว่า เดิมตนเองกับแฟนเรียนที่เดียวกันในประเทศออสเตรเลีย พอกลับมาประเทศไทยก็เริ่มมองหาธุรกิจส่วนตัว ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ที่มาจบลงที่ร้าน BanhMi BO เพราะเราหาบั๋นหมี่ในประเทศไทยกินไม่ได้ สุดท้ายตนเองและแฟนก็ทดลองทำบั๋นหมี่ทานกันเองก่อน โดยศึกษาจากในยูทูปจนได้บั๋นหมี่ในรสชาติที่เรารู้สึกว่าน่าจะขายได้ และลองทำขายครั้งแรกเริ่มขายแบบ food truck เจาะกลุ่มต่างชาติในประเทศไทย ที่เจาะกลุ่มชาวต่างชาติเพราะเป็นกลุ่มที่รู้จักและคุ้นเคยกับบั๋นหมี่มากกว่าคนไทย และก็ไม่ผิดหวัง เพราะได้ลูกค้าเป็นกลุ่มต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคนยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น รวมไปถึงคนเวียดนาม ซึ่งคนเวียดนาม บอกว่า รสชาติของเราดีกว่าในเวียดนามเสียอีก
เริ่มเปิดตัวจาก Food truck
หลังจาก ขายแบบ food truck มาได้ประมาณ 3 เดือน มีปัญหาเรื่องสถานที่ขายไม่แน่นอนได้เปลี่ยนมาเปิดเป็นร้านที่เปิดอยู่ในปัจจุบัน ซอยสุขุมวิท 33 ส่วนของร้านเปิดมาได้ประมาณ 5-6 เดือน กลุ่มลูกค้าหลักก็ยังคงเป็นต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่นเพราะย่านนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของคนญี่ปุ่น แต่คนไทยเริ่มเข้ามาเป็นลูกค้าของเราบ้าง จากการทีเราแนะนำร้าน ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และการออกงานแสดงสินค้าลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 % ซึ่งจริงเรายังสามารถขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าคนไทยได้อีกมาก เพราะดูจากการทักเข้ามาในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่ยังไม่สามารถให้บริการลูกค้าเหล่านั้นได้
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือการขายหน้าร้าน แต่ด้วยพื้นที่หน้าร้านที่รับลูกค้าได้ไม่เยอะ จึงได้เพิ่มช่องทางการขายด้วยการใช้ระบบดิลิเวอรี่ ได้ร่วมกับ ฟู้ดแพนด้า เปิดให้บริการจัดส่งอาหาร ซึ่งการร่วมกับฟู้ดแพนด้าทำให้มีลูกค้ามากขึ้น โดยปัจจุบันมียอดขายถึงวันละกว่า 100 ชิ้น โดยในตอนนี้ระยะทางในการจัดส่งยังคงเป็นในย่านสุขุวิทย สีลม สาทร ยังไม่ได้ไปไกลมาก เพราะค่าจัดส่งแพงลูกค้าอาจจะไม่คุ้มที่จะจ่าย
“ในอนาคต “โบว์” มีแผนที่จะขยายการให้บริการที่มากขึ้น แต่คิดว่าจะเป็นรูปแบบของการขายแฟรนไชส์ ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่เพราะเราต้องการให้คนที่มาซื้อแฟรนไชส์ ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับเราด้วย ไม่ใช่เอาเงินมาทิ้งและที่สำคัญ คือ เราต้องการคนที่มีใจบริการและเป็นคนรุ่นใหม่เหมือนกับเราสองคนเพราะการให้บริการของเราทั้งสองคนเน้นการดูแลลูกค้าพูดคุ๋ยกันเหมือนเพื่อน และที่สำคัญให้ความสำคัญกับรสชาติของอาหารโดยลงมือปรุงอาหารกันเองทุกชิ้น ไม่ได้ปล่อยให้ใครทำก็ได้ ดังนั้น คนที่มาซื้อแฟรนไชส์ของเรา เราก็อยากได้คนที่ใส่ใจและดูแลลูกค้าอย่างที่เราทำ เราจึงไม่ได้เปิดขายแฟรนไชส์ให้กับใครง่ายๆ เราไม่ต้องการนักลงทุนที่มีเงิน และอยากเปิดแต่ไม่ทำเอง แต่ต้องการคนที่ตั้งใจอยากจะมีอาชีพมากกว่า”
รสชาติ เมนู BanhMi BO เมื่อเทียบกับในเวียดนาม
วณิชชา บอกถึงรสชาติบั๋นหมี่ของร้าน BanhMi BO เมื่อเปรียบเทียบกับในเวียดนาม ก็ต้องบอกว่าเราพยายามทำออกมาให้ได้เหมือนกับในเวียดนามให้มากที่สุด ซึ่งในเวียดนามบั๋นหมี่นั้นเป็นอาหารมื้อหลักของเขาเลย เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวบ้านเรามีหลายราคาหลายรูปแบบให้เลือก บั๋นหมี่ที่เวียดนามมีหลายราคาหลายรูปแบบ อย่างของเราจะให้ความสำคัญกับเลือกวัตถุดิบ เป็นบั๋นหมี่ที่จะเจาะกลุ่มตลาดบน ซึ่งในเวียดนามก็มีเช่นกันแต่บั๋นหมี่ที่ขายในเวียดนามส่วนใหญ่ขายกันที่ 30- 35บาทขึ้นไป
“ทั้งนี้ บั๋นหมี่ของเราเลือกวัตถุดิบ คุณภาพ เหมือนกับที่ขายในยุโรป ราคาอยู่ที่ 90 บาท โดยมีให้เลือก 6 แบบ ได้แก่ หมูกรอบ หมูบาร์บีคิว หมูเวียดนาม ไก่ตะไคร้ เต้าหู้ หมูยอ ราคาชิ้นละ 90 บาท และแบบพิเศษผสม 2 อย่าง ราคาชิ้น 120 บาท และที่ราคาสูงเพราะวัตถุดิบที่เลือกใช้และทุกขั้นตอนการผลิต ทำเองทั้งหมด ตั้งแต่การทำขนมปัง ซึ่งกว่าจะลงตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ขนมปังที่นำมาทำบั๋นหมี่จะมีเอกลักษณ์ คือต้องกรอบนอกนุ่มในอย่างปาเต หรือตับบดที่นำมาทาขนมปังก็ทำเองเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่คุณโบว์ขายอาหารเวียดนามและแฟนหุ้นส่วนเป็นคนเวียดนาม มีส่วนช่วยที่ทำให้คนที่มากินมั่นใจได้ว่าจะได้กินบั๋นหมี่แท้ในแบบฉบับของเวียดนาม คุณโบว์เล่าว่าที่ผ่านมาเคยมีคนเวียดนามเข้ามาซื้อบั๋นหมี่ที่ร้าน เพราะก็คงอยากจะรู้ว่าเราเป็นเวียดนามแท้ๆ หรือเปล่า เขาพูดภาษาเวียดนามใส่เราทั้งสองคน ซึ่งเราทั้งสองคนพูดไม่ได้ เพราะแฟนเองก็ไม่ได้โตที่เวียดนามเขาก็พูดเวียดนามไม่ได้ ความน่าเชื่อถือในครั้งแรกก็ลดลงแต่พอได้กินบั๋นหมี่ของเรา ความน่าเชื่อถือตรงนั้นกลับมา เพราะส่วนใหญ่ชื่นชอบและบอกว่าของเราอร่อยกว่ากินในเวียดนามเสียอีก ตรงนี้เป็นความภาคภูมิใจและทำให้เรามั่นใจว่า เราจะเติบโตได้อีกในประเทศไทย
ครั้งนี้ ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราจะได้เห็นการเติบโต ของอาหารยอดนิยมในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างเวียดนามเข้ามาบุกเบิกตลาดในประเทศไทย แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ถ้าได้รับความนิยมเป็นโอกาสของนักลงทุนเวียดนามเช่นเดียวกับนักลงทุนไทย ที่มองหาโอกาสในการนำอาหารไทยเข้าไปบุกเบิกในประเทศอาเซียน เช่นกัน
เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กันของคนในภูมิภาคในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการค้าการลงทุน ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงอาหาร ดังนั้น สิ่งที่จะบั๋นหมี่เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเวียดนาม แต่ในประเทศไทยกลับไม่ได้เคยเห็นใครนำเมนูบั๋นหมี่นี่เข้ามาขายในประเทศไทย.