“ขิดปทุมมา” อัตลักษณ์ชุมชนสู่ผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์จากชุมชนขอประเทศไทยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงาม และมีอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นนั้นๆเป็นจุดที่สร้างความแตกต่าง โดยปัญหาที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวก็คือ วิธี หรือช่องทางการทำตลาด ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่าตรงจุด
แบรนด์ “ขิดปทุมมา” (KhitPatumma) ภายใต้การนำของ “ศิณีกาญจน์ ศุภจีระภัทร” ได้ Startup ธุรกิจขึ้นมาจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าทอชุมชนให้ออกมาเป็นรูปแบบต่างๆจนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
–ผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ธุรกิจ
“ศิณีกาญจน์” ในฐานะ เจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าทอชุมชนแบรนด์ “ขิดปทุมมา” (KhitPatumma) บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการสร้างธุรกิจ ว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากคนในหมู่บ้านโนนเสลา จ.ชัยภูมิที่สืบทอดภูมิปัญญาการ “ทอผ้าขิด” แบบโบราณมากว่า 200 ปี นำมาต่อยอดเป็นกระเป๋า โดยดีไซน์ที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ออกแบบให้รูปทรงที่ทันสมัย ใช้งานได้ทุกโอกาส เป็นการหลอมรวมกันของภูมิปัญญาการทอผ้าจากบรรพบุรุษ และความทันสมัยในปัจจุบัน ออกมาเป็นกระเป๋าใบนี้ ยังเป็นการช่วยสืบสานงานหัตถศิลป์ มรดกของแผ่นดินไทยให้คงอยู่สืบทอดไปยังลูกหลาน
ทั้งนี้ กระเป๋าผ้าขิดลายดอกกระเจียวสี #MulberryWine #ไวน์ลูกหม่อน #Pantone เป็นการเปิดตัวรุ่นแรก โดยทำมาจากผ้าขิดทอมือ 100% ย้อมด้วยสีของครั่ง ให้สีแดงโทนม่วง ที่สวยสดงดงาม เล่อค่าด้วยลวยลายการออกแบบของลายผ้า ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ดอกกระเจียว ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ทรงคุณค่ายิ่งของชาว จ.ชัยภูมิ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเที่ยวชมเทศกาลดอกกระเจียว เพื่อชื่นชมความงามกลิ่นไอจากธรรมชาติของดอกกระเจียวหลากหลายสายพันธุ์ และยังถือได้ว่าเป็นดอกไม้ส่งออกอันดับต้นๆของไทย มีแหล่งกำเนิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แบรนด์จึงเลือกนำทำเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อให้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค
สำหรับกระเป๋าฝ้ายทอมือ คือการทอผ้าฝ้ายแบบโบราณของคนอีสาน โดยการ เข็น ฝ้ายนี้จะทำให้ได้เส้นใยธรรมชาติที่หนานุ่ม แต่น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และจุดเด่น คือ การดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องรีด เพราะเนื้อผ้าอยู่ทรงไม่ยับ เพียง แค่ ซัก สะบัด ตาก ก็นำมาสวมใส่ได้เลย และความมหัศจรรย์ของผ้าฝ้าย ก็คือ ตอนอากาศเย็นใส่แล้วก็อุ่น ตอนอากาศร้อนใส่แล้วก็เย็นสบาย เพราะเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ผ้าทอมือแท้ๆ ณ ปัจจุบัน อาจจะหาได้ยากแล้ว เพราะวิธีการและขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้ความชำนาญ ประสบการณ์ และความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น วัตถุดิบ จากเกษตรกรที่ปลูกฝ้ายก็หาได้ยาก และ แรงงานฝีมือ ช่างทอก็มีแต่คนรุ่นเก่าๆ คนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้สนใจอาชีพช่างทอกันมากนัก ดังนั้น จึงถือได้ว่า ผ้าทอมือหนึ่งผืน กว่าจะได้มาต้องผ่านความร่วมมือร่วมใจกันของคนหลายร้อยชีวิต ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน
“กว่าจะได้ ผ้าฝ้ายเข็นมือ ออกมาให้เราได้สวมใส่กัน จิตวิญญาณของผ้าทอมือ จึงถือเป็นการประสานอัตลักษณ์วิถีชีวิตของคนในชุมชน”
–เพิ่มช่องทางจำหน่าย
ศิณีกาญจน์ บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์ในการขยายเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า และรายได้ในปีนี้นั้น จะดำเนินการเจาะตลาดเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของในประเทศนั้น แบรนด์จะมุ่งเน้นการออกงานแสดงสินค้าร่วมกับหน่วยงาภาครัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่นที่มีแนวทางในการทำธุรกิจที่ตอบสนองซึ่งกันและกันได้
อย่างไรก็ดี ยังได้เป็นการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดถึงความต้องการทางด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อนำข้อมูลกลับมาพัฒนาให้ตอบโจทย์มากที่สุด และยังเป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ต่อผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังได้รับความสนใจจากคิงพาวเวอร์ (KinPower)ในการนำผลิตภัณฑ์ประเภทตุ๊กตาทำจากผ้าทอไปจำหน่ายที่สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ และภูเก็ต เนื่องจากคิงพาวเวอร์เล็งเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่เป็นงานคราฟท์ตรงกับความสนใจของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและยังเป็นการทอสอบตลาดด้วยในเบื้องต้นก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นเข้าไปจำหน่ายต่อไป
“ตุ๊กตาผ้าทอของแบรนด์เป็นงานประดิษฐ์ โดยนำวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาใช้ ซึ่งผ้าทอก็เป็นงานที่ชาวบ้านทอในชุมชนแต่ยังไม่ได้แปรรูป เช่นเดียวกับในส่วนของตุ๊กตาก็เป็นฝีมือการยัดนุ่นของชาวบ้านในชุมชน”
ขณะที่บนช่องทางออนไลน์นั้นแบรนด์จะมุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กของแบรนด์ เกี่ยวกับที่มาที่ไปของงานผ้าทอ เพื่อเชื่อมไปสู่วิถีชุมชน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่า และสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่แบรนด์มีจำหน่ายอยู่ที่ลาซาด้า (Lazada) และไลน์ ส่วนช่องทางออฟไลน์จะมีหน้าร้านอยู่ที่โรงแรมเจดับบลิวแมริออท (JW Marriott Hotel) สุขุมวิท
–ขยายตลาดอาเซียน
ศิณีกาญจน์ บอกต่อไปว่า ด้านการทำตลาดต่างประเทศนั้น แบรนด์จะขยายตลาดไปยังอาเซียนทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากประเทศในกลุ่ม CLMV เป็นลำดับแรก เนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้าที่ได้มาจากการจับคู่ธุรกิจได้ทดลองนำผลิตภัณฑ์ประเภทกระเป๋าของแบรนด์ไปวางจำหน่ายที่โรงแรมในเวียงจันทร์ประเทศ สปป.ลาว และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเป็นรูปแบบของการผลิตตามที่ลูกค้าต้องการ หรือเมดทูออเดอร์ ซึ่งลูกค้าจะนำไปใส่ชื่อแบรนด์ของตนเองและทำการแฮชแท็กมาที่แบรนด์ขิดปทุมมา หลังจากนั้นก็จะขยายไปสู่ตลาดเวียดนามต่อไป
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ขิดปทุมมานั้น อยู่ที่การที่แบรนด์สามารถรับทำตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งได้โดยไม่จำเป็นต้องมีปริมาณมาก รวมถึงการทำตามแบบ และที่ลูกค้าสั่ง อีกทั้งยังมีสีที่เป็นแบบเฉพาะตัว และผ้าทอที่ได้คุณภาพ ซึ่งทอจากชาวบ้านในชุมชนโนนเสลา จังหวัดชัยภูมิ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ประกอบด้วยกระเป๋า ตุ๊กตาทำจากผ้าทอ และผ้าทอ เป็นต้น.