“Grainey” อาหารเพื่อสุขภาพราคาเอื้อมถึง
ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายตามกระแสความนิยมของผู้บริโภค ซึ่งหันมาให้ความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ทั้งการออกกำลังกาย และโดยเฉพาะเรื่องของการรับประทานอาหารที่จะต้องเป็นอาหารคลีน หรือมีไขมันในปริมาณที่น้อย เป็นต้น
แบรนด์ “เกรนเน่ย์” (Grainey) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเพื่อเพื่อสุขภาพ โดย Startup ธุรกิจขึ้นมาจากแนวคิดของ “โสรัจ มหรรณพกุล” ชายหนุ่มผู้มีแรงบันดาลใจในการคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมาจากประสบการณ์ส่วนตัว
-จากเด็กอ้วนสู่ธุรกิจ
โสรัจ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูลเกิ้ล จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นแห่งประกายไอเดียในการสร้างธุรกิจ ว่า มาจากการที่ตนเองเคยเป็นเด็กผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 103 กิโลกรัม และได้มีโอกาสได้ไปศึกษาหาความรู้ต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุได้ประมาณ 15 ปี ซึ่งทำให้ตนเองได้เปิดประสบการณ์ชีวิต และได้ไปพบเห็นอาการเพื่อสุขภาพที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด
ทั้งนี้ อาหารเพื่อสุขภาพที่จำหน่ายอยู่จะมีอยู่ 1 ประเภทที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแต่มีรสชาติที่อร่อย ไม่ใช่อาหารคลีนทั้งหมด แต่อาจจะมีราคาที่สูงกว่านิดหน่อย โดยที่ตนเองก็เลือกซื้อมารับประทานในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก ซึ่งตนเองก็เริ่มมองเห็นแล้วว่าอาหารในรูปแบบดังกล่าวเป็นตลาดที่น่าสนใจ และน่าจะเข้าไปทำธุรกิจ
เมื่อกลับมาที่ประเทศไทย จึงได้ทดลองศึกษา และเห็นว่าในตลาดยังไม่มียังผู้ประกอบการรายใดที่เข้ามาทำตลาด ตนเองจึงได้ตัดสินใจที่จะทำ โดยมีคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่จะต้องมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก เหมือนกับที่ตนเองได้เคยรับประทานมา ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพแบรนด์ Grainey จึงค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัว และเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
-เน้นทำตลาดในประเทศ
โสรัจ บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในปีนี้จะมุ่งเน้นที่ตลาดในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากตนเองได้มอง และพิจารณาแล้วว่าในสภาวะปัจจุบันภาพรวมของเศรษฐกิจยังไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าใดนักทั้งใน และต่างประเทศ อีกทั้งค่าเงินบาทเองก็ค่อนข้างอยู่ระดับที่แข็งค่า ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจในต่างประเทศ
สำหรับการดำเนินการของบริษัทนั้น จะใช้เม็ดเงินเป็นหลักล้านบาทในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทจะทำสื่อโฆษณาออกมาเพื่อให้ความรู้ต่อผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ขณะที่ทางด้านออฟไลน์ก็จะมีการออกงานแสดงสินค้ามากขึ้น เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้ทดลองชิมรสชาติของผลิตภัณฑ์ โดยเชื่อว่าจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้
อย่างไรก็ดี บริษัทยังจะดำเนินการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังโลตัส รวมถึงบิ๊กซี และช่องทางของการค้าส่งค้าปลีกทั่วไป (Traditional) เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครบคลุมมากขึ้น และเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะมีวางจำหน่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ ,เดอะมอลล์ และท็อปมาร์เก็ต ขณะที่ตลาดต่างประเทศ บริษัทจะมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมของบริษัท ได้แก่ มาเลเซีย ,สิงคโปร์ และเวียดนาม จะยังไม่ขยายตลาดในตอนนี้ เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ผลกำไรที่ได้ไม่คุ้มค่า
นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มช่องทางการทำตลาดทางด้านรับจ้างผลิต (OEM) ให้มากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทเองเป็นหลัก โดยจะพยายามเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 30% จากเดิมที่สัดส่วน OEM ของบริษัทจะอยู่ที่ 20% ของการผลิตทั้งหมด
“ปีนี้บริษัทจะดำเนินการเรื่องการวางรากฐานตลาดในประเทศให้แข็งแรงเป็นหลัก เพื่อรอดูทิศทางของตลาด และภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไป ก่อนที่จะกำหนดยุทธ์ศาสตร์ในการขยายตลาดแบบเป็นขั้นเป็นตอน โดยตลาดต่างประเทศบริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญอยู่เพียงแต่อาจจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย”
-วางเป้ารายได้โต 50%
นายโสรัจ บอกอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 30-40 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 20% โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Grainey อยู่ที่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญญาพืช โดยมีราคาที่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังมีรสชาติอร่อยแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และหาซื้อได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วย ข้าวกล้องอบกรอบ และธัญพืชอัดแท่ง
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ตนเองมองว่าอยู่ที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยที่บริษัทเลือกที่จะทำผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่มีรสชาติอร่อยในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งจะแตกต่างจากอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไปที่อาจจะเน้นคุณค่าทางอาหารมากกว่ารสชาติ และมีราคาที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังเลือกที่จะจำหน่ายผ่านช่องทางที่ผู้บริโภคหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย
“แบรนด์ต้องการเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ แต่ยังต้องการรสชาติที่อร่อยถูกปาก ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ทุกวัน”.