“LAILY” ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวกายในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายในท้องตลาด ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะมีรสนิยม และชื่นชอบผลิตภัณฑ์รูปแบบใด แต่กระแสหนึ่งที่มาแรงอย่างมากในช่วงหลังก็คือ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ปราศจากการใช้สารเคมีเข้ามาเป็นส่วนผสม
แบรนด์ LAILY เป็นแบรนด์หนึ่งที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และ Startup ธุรกิจขึ้นมาภายใต้การเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่ปลอดสารเคมี หรือ “เกษตรอินทรีย์” (Organic) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงาน หรือองค์กรมาตรฐานสากล
จุดเริ่มต้นธุรกิจ
“พัทธานันท์ หงส์ปีติเจริญ” ในฐานะผู้จัดการ บริษัท ซีสวอน แลบบอราทอรีส์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า LAILY ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยกลุ่มเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผิว ซึ่งเต็มไปด้วยประสบการณ์การวิจัยและพัฒนาด้านเวชสำอางและความงาม ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีความภาคภูมิใจ และมุ่งมั่นให้ทุกคนมีสุขภาพผิวที่ดี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มาจากพืชสมุนไพร หรือสารสกัดจากธรรมชาติ เนื่องจากมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายน้อยกว่า หรือไม่มีเลย
ทั้งนี้ แบรนด์ LAILY ถูกก่อตั้งในแนวความคิดที่ว่า “LAILY Beauty…Touching nature by yourself” เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ประกอบด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติคุณภาพดี อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคือง ปราศจากสารก่อมะเร็งและสารเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายตกค้างที่ผิว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย
“LAILY ใช้ เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดอาการแพ้ที่น้อยกว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป สามารถใช้ได้บ่อยและประจำตามต้องการ เนื่องจากปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวและสุขภาพตกค้างภายในร่างกาย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังใช้น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพืชและสมุนไพร ซึ่งมีกลิ่นหลากหลาย และแต่ละกลิ่นที่มีคุณสมบัติเฉพาะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืช เช่น กุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ ตะไคร้หอม ฯลฯ นำมาใช้บำบัดรักษาร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เรียกว่า สุคนธบำบัด”
เพิ่มช่องทางการทำตลาด
พัทธานันท์ บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์ในการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ในระยะต่อไปของแบรนด์นั้น จะดำเนินการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายไปสู่ดิวตี้ฟรีทั้งหมด และขยายสาขาตามหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
เดิมทีผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะมีจำหน่ายอยู่ที่ไอคอนสยาม ,เซ็นทรัลพระราม 9 และเทอร์มินอล 21 อีกทั้งยังมีร้านจำหน่ายที่เมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ,หัวหิน และเชียงใหม่ ขณะที่ช่องทางออนไลน์จะมีจำหน่ายผ่านช่องทางของเพจเฟซบุ๊ก และไลน์แอด (LINE@)
“ช่องทางออนไลน์ถือว่าเป็นช่องทางที่มีศักยภาพเป็นอย่างมาก โดยมีออเดอร์คำสั่งซื้อมาจากทั้งคนไทยที่เป็นพนักงานออฟฟิต และชาวต่างชาติที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ซึ่งในระยะต่อไปแบรนด์จะเพิ่มกลยุทธ์บนช่องทางดังกล่าวนี้ให้มากขึ้น ทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์”
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายตลาดออกต่างประเทศไปสู่ประเทศไต้หวัน และดูไบ จากเดิมที่มีจำหน่ายอยู่แล้วที่ประเทศจีน และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทำให้แบรนด์รับรู้ได้ว่ากลุ่มลูกค้าของแบรนด์เป็นกลุ่มแบบไหน และมีสไตล์การใช้ชีวิตแบบใด
ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล
พัทธานันท์ บอกอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ LAILY จะอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ 100% โดยไม่มีสารเคมีเจือปน ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงาน หรือองค์กรมาตรฐานสากล กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบพื้นที่ที่ใช้ปลูกวัตถุดิบ ดินและน้ำต้องปลอดจากสารเคมีอย่างน้อย 3-5 ปี เพื่อไม่ให้สิ่งปนเปื้อนหลงเหลืออยู่ ใช้ปุ๋ยที่ทำจากธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีใดๆในการปลูก ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) และผ่านการรับรองการผลิต
“แบรนด์ยังมีการตอบสนองความต้องการผู้บริโภคด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาผสมผสานให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ เช่น ยาสระผม ก็จะมีฟองเหมือนกับผลิตภัณฑ์ทั่วไปแต่จะให้ความรู้สึกที่สะอาดมากกว่าการใช้สารเคมี โดยที่ผู้บริโภคจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และได้รับรู้ความรู้สึกแบบเดิมที่เคยชิน”
ด้านของกลิ่นที่นำมาใช้ก็จะมาจากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากกลิ่นดอกไม้ หรือสมุนไพร โดยที่แบรนด์จะนำมาผสมให้เข้ากับผลิตภัณฑ์เอง ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นอ่อนๆไม่แรงมากติดทนอยู่ได้นานประมาณ 2-6 ชั่วโมง โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ,สครัป ,บอดี้โลชั่น และแฮนด์ครีม เป็นต้น โดยทุกผลิตภัณฑ์จะ ได้รับการจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย) มีขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย
ขณะที่หลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องรู้ว่าต้องการทำผลิตภัณฑ์เพื่อนำเสนอให้กับลูกค้ากลุ่มใด ซึ่งถือเป็นคำถามแรกในการเริ่มทำธุรกิจ และเป็นคำถามที่จะต้องอยู่คู่กับธุรกิจตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เองก็จะต้องรู้ว่าจะจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มใด ผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะต้องแยกให้ชัด เพื่อทำผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
“เวลาที่แบรนด์โฟกัสจะมองเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ของตนเองว่าจะต้องปรับตัว และพัฒนามากน้อยแค่ไหน อะไรที่ยังขาดไปก็จะต้องนำมาใส่เพิ่มเติมเข้าไป เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น”