“PET Club” ศูนย์บริการเพื่อคนรักสัตว์เลี้ยงครบวงจร
สังคมยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่องของการมีครอบครัว จากครอบครัวขนาดใหญ่ก็เริ่มมีขนาดเล็กลง จากครอบครัวที่ต้องการมีลูกหลายคน ก็เริ่มลดเหลือเพียงแค่ 1-2 คน หรือแม้กระทั่งการชื่นชอบที่จะไม่ครอบครัวก็กำลังมีมากขึ้น
ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจะมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นตามกระแสดังกล่าว เพราะความต้องการเพื่อนที่ช่วยเรื่องสภาพจิตใจ แบรนด์ “PETClub” เป็นหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ไม่ใช่เกิดจากธุรกิจที่เป็นแฟชั่น
จากโรงพยาบาลสู่ศูนย์บริการ
สมฤดี ตัณศลารักษ์ กรรมการผู้จัดการ หจก.เพ็ทคลับ บอกถึงที่มาที่ไปของการทำธุรกิจ ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากการเปิดโรงพยาบาลสัตว์ภายใต้ชื่อ “แฮบปี้เพ็ท” เนื่องจากมีสามีที่เป็นสัตว์แพทย์ หลังจากที่เปิดให้บริการไปได้สักระยะหนึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก และต้องการให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น กรูมมิ่ง (Grooming) หรือตัดแต่งขนสุนัข และแมว ,ขายของ และโรงแรม เป็นต้น
ทั้งนี้ จึงเริ่มต้นขยายออกมา และมองว่าน่าน่าจะทำเป็นธุรกิจแบบจริงจังได้ หลังจากนั้นจึงมีการรีแบรนด์ดิ้งมาเป็น PETClub เพราะเราต้องการให้เป็นชุมชน หรือสังคมของคนที่รักสัตว์และเลี้ยงสัตว์เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว และเราก็เริ่มขยับขยายเพิ่มจำนวนสาขา และแตกคอนเซ็ปป์ออกมา โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขาทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล ประกอบด้วย ลาดพร้าว 101 ,รามอินทรา ,ศรีนครินทร์ ,พระราม 2 ,พัฒนาการ และลาดปลาเค้า
สำหรับจุดเด่น และความแตกต่างของ PETClub นั้น อยู่ที่การให้บริการที่ได้มาตรฐานของแบรนด์ และพยายามที่จะปรับปรุงเพิ่มขึ้นอยู่สม่ำเสมอซึ่งเกิดมาจากการได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรงถึงความต้องการที่ตอบโจทย์ เสมือนเป็นการทำงานร่วมกัน เป็นสังคมของผู้รักสัตว์ที่จะช่วยให้แบรนด์แข็งแรง และพัฒนาไปด้วยกันกับอุตสาหกรรม
PETClub จะให้บริการในระบบสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3 หมื่นราย โดยที่ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ทุกสาขา มีระบบเก็บสะสมแต้มจากยอดซื้อเรียกว่าเป็นเจ้าที่ให้บริการครบ ตั้งแต่ส่วนของสโตร์ที่จะมีหลากหลายสินค้า ของใช้ และบริการด้านต่างๆ ที่ขึ้นอยู่กับทำเล และขนาดของพื้นที่ เพราะฉะนั้นแต่ละสาขาจึงมีจุดเด่นที่แตกต่างกันด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องของพนักงาน ซึ่งทุกคนจะรักสัตว์ มีความเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์ ดูแลสัตว์ได้เหมือนกับเจ้าของดูแลด้วยตนเอง เมื่อพนักงานรักสัตว์อยู่แล้วการให้บริการก็จะเป็นไปด้วยความรักแบบอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้
“การคัดเลือกพนักงานเป็นงานที่เหมือนยากและง่าย เพราะเราต้องคัดผู้ที่รักงานค้าปลีกและรักสัตว์ ฉะนั้นพนักงานทุกคนจึงถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ขณะที่บริการในส่วนของโรมแรม เราจะมีมาตรฐานในการรับพอสมควร โดยจะต้องเป็นสุนัขและแมวที่มีสมุดวัคซีน เพื่อดูว่าฉีดวัคซีนครบหรือไม่ เห็บหมัดหรือโรคผิวหนังจะต้องไม่มี ที่สำคัญคือจะต้องไม่มีโรคประจำตัว เพราะนี่คือโรงแรมไม่ใช่โรงพยาบาล หากเรารับมาแล้วจะต้องมั่นใจว่าดูแลได้ โดยการดูแลจะเป็นแบบระบบปิด ให้อยู่ภายในสถานที่เพื่อป้องกันปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้จากภายนอก ลูกค้าที่เลี้ยงแบบระบบปิดอยู่แล้วจะได้เกิดความมั่นใจ และสบายใจเมื่อเข้ามาใช้บริการ”
ขยายเพิ่ม 2 สาขา
สมฤดี บอกต่อไปว่า แผนการขยายธุรกิจของ PETClub ปีนี้ จะมีการเพิ่มจำนวนสาขาอีก 2 สาขาให้เป็น 8 สาขา ได้แก่ ที่เมกกะบางนา บนพื้นที่ประมาณ 700 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด เพ็ทเมกกะมอลลล์ โดยจะเป็นห้างสรรพสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเน้นการเป็นสโตร์สินค้าขนาดใหญ่ โดยที่ภายในจะมีการให้บริการกรูมมิ่ง ซึ่งจะพิเศษด้วยการแยกโซนตัดขนระหว่างสุนัขและแมวออกจากกัน จากบริการปกติที่จะใช้โซนเดียวกัน ขณะที่บางสาขาก็จะรับแต่สุนัข อีกทั้งยังมีคลีนิก เพื่อแนะนำการให้อาหารและการเลี้ยงดูด้วย
ส่วนอีกสาขาหนึ่งจะเปิดให้บริการที่โครงการ แอท ยู พาร์ท สุวรรณภูมิ (ATT U Park) ภายใต้แนวคิดการให้บริการเป็นหลัก โดยจะมีครบทั้งส่วนของโรงพยาบาล โรงแรม สระว่ายน้ำ คาเฟ่ และกรูมมิ่ง เรียกว่าเป็นวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งทั้ง 2 สาขาจะสามารถเกื้อหนุนกันได้ เนื่องจากอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนะ และเปิดภายใต้แนวคิดต่างกัน อย่างที่เมกกะบางนาจะมีบริกาโรงแรม เพราะเป็นพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า แต่ลูกค้าก็สามารถเดินทางมาใช้บริการดังกล่าวได้ที่สาขาสุวรรณภูมิ
“การขยายสาขาแต่ละแห่งแบรนด์จะมองถึงโอกาสทางธุรกิจร่วมกับพาสเนอร์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยดูว่าตลาดตรงนั้นเป็นอย่างไร มีผู้ให้บริการรายอื่นอยู่ตรงไหให้บริการอะไรบ้าง อย่างไร มีหนทางที่จะเข้าไปสร้างตลาดได้หรือไม่ เราจะไม่เข้าไปเปิดแข่งขันเพื่อทำลายราคากันเพราะเราคืองานบริการและค้าปลีก ซึ่งในระยะยาวเชื่อว่าการให้บริการเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบางครั้งลูกค้าไม่ได้ต้องการของที่ตอบโจทย์เรื่องราคาถูกอย่างเดียวแต่ต้องการอะไรที่สมเหตุสมผล และคุ้มค่าในราคาที่จริงใจ ร้าน PETClub จะคัดแต่ของที่มีคุณภาพ คุ้มค่าทุกราคาในราคาที่เหมาะสม”
ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโต
สมฤดี บอกต่อไปอีกว่า โอกาสทางธุรกิจถือว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมากในระยะยาว เพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง (Micro) มากขึ้น มีการแต่งงานน้อยลง หรือมีบัตรน้อยลง และกระแสสังคมของผู้สูงวัย โดยกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการมีเพื่อนเพื่อช่วยเรื่องสภาพจิตใจ เราต้องการเป็นแบรนด์ต้นๆที่ผู้เลี้ยงสัตว์นึกถึงในตลาดสัตว์เลี้ยงประเทศไทย โดยมองว่าแบรนด์ดิ้งเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ไม่ใช่ให้คิดว่าเป็นแค่ชอปทั่วไป แต่ต้องการให้รู้ว่ามาที่ PETClub เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก
แบรนด์ดิ้งเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าต้องการสร้างธุรกิจ เพราะแบรนด์จะเป็นที่จดจำของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ โดยธุรกิจต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จจะมีแบรนด์ดิ้งเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยผลักดันธุรกิจ ซึ่ง PETClub เป็นธุรกิจที่มีผู้เข้ามาใช้บริการจริง ดังนั้น จะต้องได้รับการจดจำและพูดถึง เหมือนคำพูดที่ว่า ซื้อแชมพูที่ไหนก็ได้ แต่ต้องการมาที่ PETClub โดยเราใช้ระยะเวลาพอสมควรในการสร้างแบรนด์ ยิ่งเป็นแบรนด์ไทยเรายิ่งต้องพยายามทำให้เป็นมาตรฐาน
“เราต้องการให้ลูกค้ามาแล้วได้ประโยชน์กลับไป ทำไมถึงต้องมาซื้อที่นี่ จะเป็นข้อความที่บอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก โดยเฉพาะของเราเป็นงานบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ตรงนี้สำคัญมาก เพราะของที่ซื้อไม่ได้ใช้เอง ซื้อให้ลูกซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงใช้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกว่าเป็นแบบไหน เราไม่ได้ต้องการให้เป็นลูกค้ากันแค่ครั้งเดียว ต้องการให้กลับมาอีก นี่คือการทำธุรกิจของเรา เราจึงเน้นเรื่องความจริงใจต่อลูกค้าที่อยู่กับเรา และรักเรา โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราคือกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลางถึงบน และมีความรักสัตว์ จึงต้องการหาของที่ดีที่สุดมอบให้สัตว์เลี้ยง”
สมฤดี บอกปิดท้ายว่าหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น อยู่ที่ความตั้งใจ และมุ่งมั่น โจทย์วันแรกถูกตั้งไว้อย่างไรก็ต้องทำให้ได้แบบนั้น โดยเป็นสิ่งสำคัญของงานให้บริการ ซึ่งทุกปัญหาต้องแก้ได้ เพราะปัญหามักจะมาพร้อมกับโอกาสเสมอ.