COCO Rabbit น้ำมันมะพร้าวแบรนด์ไทยโดนใจตลาดโลก

หนึ่งปัจจัยที่เป็นจุดเริ่มต้นไอเดียในการสร้างธุรกิจก็คือการใช้งานจริงแล้วเห็นผลด้วยตนเอง จนนำไปสู่แนวทางของการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย โดยแบรนด์ “COCO Rabbit” (โคโค แรบบิท) ถูก Start up ธุรกิจขึ้นมาจากแรงบันดาลใจดังกล่าว ภายใต้การดูแลของ “นภาพร คูศิริวานิชกร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโค แรบบิท จำกัด
จากผู้ใช้สู่การสร้างธุรกิจ
นภาพร เล่าย้อนกลับไปถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ว่า มาจากการที่ตนเองเป็นผู้ที่ใช้น้ำมันมะพร้าวสกดัเยย็นมานาน ด้วยความรักสวยรักงามตามนิสัยของผู้หญิง โดยได้รับคำแนะนำจากคุณแม่ในการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งตนใช้มามากกว่า 10 ปี โดยสิ่งที่ทำให้ตนมองเห็นถึงประสิทธิภาพจากการงานจริงก็คือการทีใครหลายคนทักว่าดูอ่อนกว่าวัย และเข้าใจว่าตนมีการไปฉีดโบท็อกมา
ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่าตนเองใช้แล้วดี เห็นผล และรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยเป็นของดี เพราะฉะนั้นก็น่าจะสามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจได้ เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศได้ใช้ของที่ดี ตนจึงดำเนินการผลิตเพื่อตำหน่าย แต่ด้วยความที่ในประเทศมีผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก ประกอบกับที่ตนเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก รูปแบบของแพคเกจจึงออกมาเป็นโทนสีขาว ดำ เพื่อให้ดูเป็นพรีเมี่ยม และสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่จำหน่ายอยู่ในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกใช้โทนสีเขียว เพื่อต้องการสื่อถึงต้นมะพร้าว
หลังจากนั้นเมื่อดำเนินการเรื่องแพจเกจจิ้งเสร็จ แบรนด์ COCO Rabbit จึงเริ่มวางจำหน่ายแบบทั่วไปก่อน เนื่องจากตนไม่ต้องการให้ธุรกิจโตเร็วจนเกินไป แต่ไม่มีความพร้อมเมื่อมีการสั่งออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก แบรนด์จึงผลิตและจำหน่ายแบบสบายๆ

เน้นเจาะตลาดต่างประเทศ
นภาพร บอกต่อไปอีกว่า การทำตลาดของแบรนด์จะมุ่งเน้นการทำตลาดต่างประเทศมากกว่า เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ จากข่าวเรื่องการผสมโลชั่นลงไปในน้ำมันมะพร้าว และไม่เชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก
“เมื่อครั้งที่ไปออกงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง ผู้บริโภคให้ความสนใจแพคเกจจิ้งมาก ชื่นชมกันสวย ทำให้เกิดออเดอร์ขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นการออกบูธแสดงสินค้าที่ใด แบรนด์ก็จะได้รับการตอบรับที่ดีจากเอกลักษณ์ของแพคเกจจิ้งที่แตกต่าง และผลจากการใช้งานที่ได้ผลจริง จนมีการบอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก”
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทปีนี้ จะยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยประเทศจีนยังเป็นตลาดที่บริษัทจะเข้าไปทำตลาดเพิ่มเติม รวมถึงที่ประเทศฮ่องกง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในประเทศดังกล่าวยังมีอีกมาก ซึ่งบริษัทยังสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีก
ส่วนตลาดใหม่ที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้แก่ประเทศอินเดีย ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่า ชื่นชอบการใช้ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว ทั้งเพื่อใช้ในการบำรุงผิว และใส่บนเส้นผม นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายตลาดไปยังสาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Republic OF Maldives) โดยล่าสุดกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจ จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศมาเลเซีย ,สิงคโปร์ ,รัสเซีย ,กัมพูชา ,ลาว ,เมียนมาร์ และเยอรมัน

บุกตลาดในประเทศ
นภาพร บอกอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะเริ่มทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น โดยผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ซึ่งบริษัทจะใช้กลยุทธ์การถ่ายทอดสด (LIVE) เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมโปรโมชั่นที่บริษัทจะนำเสนอ เพื่อดึงดูดใจลูกค้า เนื่องจากบริษัทมองว่าผู้บริโภคคนไทยให้การยอมรับผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวจากผู้ผลิตในประเทศดีขึ้น
“ช่องทางออนไลน์ของบริษัทจะดำเนินการผ่านทางเว็บไซด์ โดยมีออเดอร์จำนวนมากจากต่างประเทศ และชัดเจนกว่าในประเทศ เนื่องจากคนไทยไม่เชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ,ลิปบาล์ม ,สบู่ ,Q10ครีมสำหรับบำรุงใบหน้าผิวหน้า ,โลชั่นบำรุงผิว ,แชมพูและครีมนวด และครีมบำรุงเท้า”
จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นมากกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา โดยมองว่าตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากประเทศไทยค่อนข้างมีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศ หรือทั่วโลก โดยจะเห็นได้จากการที่บริษัทไปออกงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งจะมีผู้บริโภคที่ตั้งใจมาที่บูธจากประเทศไทยภายในงาน เพื่อหาผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวโดยเฉพาะจำนวนมาก
สำหรับจุดเด่น ของผลิตภัณฑ์แบรนด์ COCO Rabbit อยู่ที่แพคเกจจิ้งที่บริษัทเลือกใช้ให้ดูเป็นแบบพรีเมี่ยม อีกทั้งยังมีเรื่องของคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่บริษัทการันตีได้อย่างมั่นใจว่าเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดแบบเกรด A ที่นำจำหน่าย ไม่มีน้ำมันมะพร้าวสกัดเกรดอื่นที่รองลงมาเจือปน โดยผู้บริโภคที่ใช้น้ำมันมะพร้าวอยู่เป็นประจำจะสามารถสัมผัสได้ ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ตนเชื่อว่าความซื่อสัตย์ และจริงใจต่อลูกค้า จะเป็นกุญแจที่ไขประตูไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มีส่วนในการช่วยประคับประครองธุรกิจของบริษัทตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการให้คำชี้แนะ การหาช่องทางในการทำตลาด และการเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ ทำให้ธุรกิจของบริษัทสามารถขยายตัวขึ้นมาได้จนถึงปัจจุบัน”
เบอร์ติดต่อ : 0981946936 นภาพร คูศิริวานิชกร