“TAI TAI” นวัตกรรมจากข้าวเหนียวดำ
จากผู้ที่ประสบปัญหาจากการทำงานด้วยตำแหน่งงานที่ต้องลงพื้นที่จริง นำมาสู่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ “ปราณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา” จึงได้ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “ไท่ม์ ไท่ม์” (TAI TAI)
จากปัญหาสู่ธุรกิจ
ปราณี ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ชาโมกข์ จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี 51 โดยตอนแรกนั้นตนเองทำงานรับราชการเป็นนักวิชาการทางด้านเกษตร ซึ่งจะต้องเดินทางออกพื้นที่อยู่เป็นประจำ ทำให้ประสบปัญหาบนใบหน้า โดยเป็นฝ้าดำ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลตามสัญชาติญาณของผู้หญิง
ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาตนจึงได้ไปพบเจอกับงานวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรมะหาด ซึ่งมีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้ใบหน้าขาวได้ ซึ่งด้วยความที่เป็นนักวิชาการอยู่แล้ว ตนจึงได้ทดลองทำสูตรสมุนไพรดังกล่าว โดยมุ่งหวังให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาของใบหน้า ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่าทำไปหลายตำรับมาก โดยมีอยู่ตำรับหนึ่ง ซึ่งเมื่อใช้แล้วทำให้ขนบริเวณคิ้วขึ้น ตนจึงคิดว่าน่าจะทำเป็นยาปลูกผม
“เมื่อทำเป็นยาปลูกผมตนจึงได้ทดลองนำผลิตภัณฑ์ไปให้คุณพ่อ และอาสาสมัครได้ทดลองใช้ ซึ่งปรากฎว่ามีผมที่ดกดำขึ้น ทำให้รู้ว่าตำรับยาสมุนไพรสูตรนี้สามารถใช้งานได้เห็นผลจริง ตนจึงได้ทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อนำเสนอสู่ผู้บริโภค”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีโอกาสได้ไปออกบูธงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศ ซึ่งมีลูกค้าสงสัยและถามว่าต้นมะหาดเป็นอย่างไร โดยมีความคิดเห็นจากผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งทำให้ตนต้องสะดุดใจ เพราะความคิดเห็นดังกล่าวนั้นมองว่าตนตัดต้นมะหาดมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
สมุนไพรข้าวเหนียวดำ
ปราณี บอกต่อไปอีกว่า เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นดังกล่าว ตนจึงได้ไปพบกับปราชญ์ชาวบ้าน พร้อมกับศึกษาตำรับยาไทยโบราณ ทำให้ค้นพบว่าข้าวเหนียวดำก็มีสรรพคุณที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาว และช่วยรักษอาการผมร่วงได้เช่นเดียวกัน ตนจึงได้นำมาทดลองทำสูตรร่วมกับวิชาภาคเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จนประสบความสำเร็จในการวิจัย และพัฒนาสูตร (R&D) สามารถผลิตและจำหน่ายได้ภายใต้แบรนด์ “TAI TAI”
แบรนด์ TAI TAI ในช่วงเริ่มทำตลาดถูกวางตำแหน่งให้เปิดตลาดจีน โดยต้องการให้เป็นสมุนไพรที่ซื้อกลับไปฝาก หลังจากนั้นจึงเริ่มเข้าไปทำตลาดที่ประเทศจีนมากขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา อาทิ เมืองเจิ้งโจว ,กวางโขว ,หนานหนิง และที่เมืองฮาร์บิน โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และมีออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก
ส่วนกลยุทธ์ในการขยายตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทปีนี้จะดำเนินการทั้งตลาดในประเทศ ซึ่งบริษัทจะนำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลเส้นผมทั้งในรูปแบบแชมพู และยาบำรุงเส้นผม หรือแฮร์โทนิก(Hair tonic) ภายใต้แบรนด์ TAI TAI เข้าวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อสพาร์ (SPAR) ภายในปั๊มน้ำมันบางจากทั่วประเทศ โดยขั้นตอนปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในเดือนพฤษภาคม 62
ด้านตลาดต่างประเทศปีนี้บริษัทจะดำเนินการขยายตลาดไปยังประเทศในแถบยุโรป ,สหรัฐอเมริกา ,ฮ่องกง และจีน-ฮ่องกง โดยจะสร้างแบรนด์ขึ้นมาอีกแบรนด์หนึ่งชื่อ “โอริษ์ษา” (OREESA) เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถจดจำได้ง่ายสำหรับผู้บริโภค และสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ TAI TAI ซึ่งบริษัทส่งผลิตภัณฑ์ทั้งแชมพู และแฮร์โทนิกไปทำตลาดอยู่แล้วที่ประเทศจีน แ ละชื่อแบรนด์ค่อนข้างเป็นที่รู้จักแล้ว
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้การผลิตของบริษัทนั้น อยู่ที่การเป็นสมุนไพรในรูปแบบของออแกนิก รวมถึงมีผลการวิจัยรับรอง และการทดสอบผลข้างเคียงโดยสถาบันโรคผิวหนัง โดยมีข้าวเหนียวดำ ซึ่งมีสารแอนไทไซยานิน โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและผลิตภัณฑ์ในการบำรุงหน้า โดยบริษัทได้มีการจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับข้าวเหนียวดำไว้เรียบร้อยแล้ว
“ปัจจุบันนอกจากบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการบำรุงหน้าด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้หน้าขาว ผลิตภัณฑ์แบบทูอินวันทั้งหน้าขาว และหน้าเด้ง และสบู่ที่ช่วยทำให้หน้าขาว เป็นต้น”
วางเป้าโต 10%
ปราณี บอกอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำธุรกิจดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้เติบโตได้ที่ระดับ 10% จากปีที่ผ่านมา โดยมองว่าจะมาจากการจำหน่ายในต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากตลาดยังมีโอกาสให้ขยายได้อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนในประเทศปัจจุบันเศรษฐกิจค่อนข้างจะชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคไม่ค่อยกล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งส่งผลต่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พอสมควร
ขณะที่หลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่าจะต้องมีความอดทน อีกทั้งผลิตภัณฑ์จะต้องมีงานวิจัยรับรอง เนื่อจากผู้บริโภคในปัจจุบันจะไม่เชื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบลอยๆ เพราะปัจจุบันการหาข้อมูลสามารถทำได้อย่างง่ายดายผ่านทางโลกของอินเตอร์เนต และยังมีทางเลือกในตลาดอยู่เป็นจำนวนมาก