“Dever” นวัตกรรมเจลให้พลังงาน
ด้วยองค์ความรู้แล้วความเชี่ยวชาญ ผสมผสานกับประสบการณ์จากการทำงานที่ได้สัมผัสกับปัญหาที่แท้จริง ทำให้ “อนนต์ อดิโรจนานนท” สามารถ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้นมาได้ ด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างพลังงานในรูปแบบเจลขึ้นมาเป็นรายแรกของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “ดีเวอร์” (Dever)
ต้นกำเนิดธุรกิจ
อนนต์ ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิร์ด์คลาสนิวทริชั่น จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการสร้างธุรกิจ ว่า มาจากการที่ได้มีโอกาสทำงานเป็นที่ปรึกษาทางด้านโภชนาการให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ภายใต้ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ทำให้พบว่านักกีฬาส่วนใหญ่จะมีอาการหมดแรงง่ายเวลาที่ฝึกซ้อม หรือแม้แต่ในการแข่งขัน โดยอาหารที่รับประทานเพื่อให้พลังงานก็คือขนมปัง และกล้วย แต่ก็จะมีอุปสรรคเรื่องของการพกพา และอายุของอาหารที่ไม่ยาวนานเท่าใดนัก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องไปแข่งขันในต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งที่พักนักกีฬาก็อยู่ห่างไกลจากซุบเปอร์มาร์เก็ต ทำให้นักกีฬาไม่มีอาหารที่ให้พลังงานเวลาทำการแข่งขัน โดยถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดผลแพ้หรือชนะได้
ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าวที่เกิดขึ้น ได้จุดประกายไอเดียให้ตนได้ทำการวิจัย พัฒนา (R&D) อาหารเพื่อให้พลังงานสำหรับนักกีฬาที่สามารถพกพาไปได้ง่าย โดยใช้พื้นฐานความรู้จากการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางด้านอาหาร (Food technology) ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ และระดับปริญญาโททางด้านโภชนศาสตร์และการกำหนดอาหาร (Nutrition and dietetics) University of Wollongong, Australia มาผสมผสานจนได้สูตรอาหารที่ลงตัวด้วยตนเองทั้งหมดจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าเจลให้พลังงาน (Energy Gel)
อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาจะเป็นการบรรจุลงในซองอะลูมิเนียมฟอนยด์ธรรมดาและติดสติ๊กเกอร์ไว้เท่านั้น เพื่อให้นักกีฬานำไปใช้ โดยในช่วงที่ทำงานดังกล่าวตนทำหน้าที่ดูแลนักกีฬาเทนนิส และนักแบตมินตัน เพราะฉะนั้นนักกีฬาดังกล่าวจึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้ทดลองใช้ เมื่อเห็นว่าใช้แล้วเกิดประสิทธิภาพจึงมีการแนะนำต่อให้กับเพื่อนนักกีฬาทีมชาติประเภทอื่นได้ใช้บ้าง
“ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์จะต้องมีต้นทุนในการผลิต ตนจึงไม่สามารถผลิตเพื่อแจกให้ได้ตลอด และนั่นเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มนักกีฬาในแวดวงดังกล่าวนี้ภายใต้แบรนด์ Dever โดยถือเป็นผู้ผลิตเจลให้พลังงานรายแรกของประเทศไทย หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์จึงเริ่มขยายออกไปสู่นักกีฬาประเภทอื่น จนกระทั่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากระแสการวิ่งในประเทศไทยได้แพร่กระจายอย่างมากจากการวิ่งของตูน บอดี้สแลม (อาทิวราห์ คงมาลัย) แบรนด์จึงหันมามุ่งเน้นที่ตลาดกีฬาประเภทวิ่งเป็นหลัก เพราะเล็งเห็นว่าตลาดกำลังเติบโต”
ปรับกลยุทธ์การตลาด
อนนต์ บอกต่อไปอีกว่า ช่องทางการทำตลาดในปัจจุบันมีทั้งรูปแบบของออนไลน์ โดยจะจำหน่ายผ่าน 24Shopping ,ช็อปปี้ (Shopee) ,ลาซาด้า (Lazada) และเฟซบุ๊กแฟนเพจของแบรนด์ ขณะที่รูปแบบออฟไลน์จะจำหน่ายผ่านร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา ,ร้านขายยา และจำหน่ายอาหารเสริมทั่วประเทศ ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดในระยะต่อไปนั้น แบรนด์มีแนวความคิดที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม หรือเป็นตลาดแมส (Mass Market) จากเดิมที่จะเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม หรือตลาดนิช (Niche Market)
“ตนมองว่าปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของแบรนด์คือกลุ่มคนวิ่งที่เป็นวัยทำงานไปจนถึงผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้นจึงน่าจะขยายตลาดให้เป็นแมสได้ โดยใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย (Distribution) ให้มากขึ้น และพยายามขยายตลาดของผลิตภัณฑ์ให้ใช้ได้ทุกกลุ่ม ซึ่งจะเป็นการให้ความรู้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ดีเวอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายเท่านั้น แต่ผู้ที่อ่อนเพลียก็สามารถรับประทานได้เช่นเดียวกัน โดยเมื่อขยายเป็นแมสได้ปริมาณการจำหน่ายก็จะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คลินิกวิ่งก็ยังคงทำต่อเนื่อง และกระจายไปในทุกจังหวัด หลังจากนั้นจะเริ่มกลับมาทำคลิกนิกโภชนาการอีกครั้ง”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายที่มองไว้จะเป็นในส่วนของห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ,เซเว่น อีเลฟเว่น (7-11 eleven) ,แฟมิลี่มาร์ท (Family Mart) และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังมองไปถึงกลุ่มของผู้ป่วย รวมถึงผู้ที่เบื่ออาหาร โดยอาจจะเป็นการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาให้ชัดเจน ซึ่งจะเป็นการจำหน่ายผ่านร้านขายยา โดยมีเภสัชกรเป็นผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ และอีกกลุ่มหนึ่งคือเด็กที่ต้องการพลังงานสูงในการเจริญเติบโต ซึ่งแบรนด์จะใช้กลยุทธ์การจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านการแข่งขันกีฬาระดับเยาวชนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า
ขยายตลาดต่างประเทศ
อนนต์ บอกอีกว่า ภายในระยะ 1-2 ปีนี้ แบรนด์ตั้งใจจะนำผลิตภัณฑ์ไปทำตลาดที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากประชากรมีบุคลิกคล้ายกับประเทศไทย อีกทั้งเรื่องการขนส่งก็สะดวกสบายและมีต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก โดยที่ขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตรับรองผลิตภัณฑ์จากองค์การอาหารและยาของแต่ละประเทศอยู่ ซึ่งกลุ่มประเทศแรกที่จะเข้าไปทำตลาดน่าจะเป็นที่อินโดนีเซีย และมาเลย์เซีย โดยจะใช้จุดเด่นเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทย และเนื้อสัมผัสที่รับประทานง่ายเข้าไปเจาะตลาด
“อีกเหตุผลหนึ่งที่แบรนด์เลือกทำตาดอาเซียนก่อน เพราะแบรนด์ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกๆของอาเซียน แต่หากเป็นตลาดในประเทศแถบยุโรป ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบดังกล่าวนี้ค่อนข้างมีมากแล้ว แบรนด์จึงไม่แน่ใจว่าเมื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปทำตลาดจะสามารถเป็นผู้นำทางด้านการตลาดได้หรือไม่”
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังมองว่าตลาดดังกล่าวนี้ยังสามารถเติบโตได้อีกในระยะยาว โดยเฉพาะตลาดวิ่งซึ่งประชากรเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีน้อยมากที่จะเลิกวิ่งไป มีแต่จะเพิ่มจำนวนระยะทางมากขึ้น นอกจากนี้ในปัจจุบันประเทศไทยเองก็มีกีฬาอาชีพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล ,วอลเลย์บอล และฟุตซอล เป็นต้น ดังนั้น ตลาดจึงยังสามารถจะเติบโตได้อีก
ด้านการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แบรนด์ได้ทำการศึกษาและออกแบบการทดลองกับนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อออกแบบการทดสอบนักกีฬาแต่ละประเภทในเวลาที่ใช้พลังงานตามปกติ กับการที่ใช้เจลสร้างพลังงาน ซึ่งปรากฏว่าสามารถออกกำลังกายได้ต่อเนื่องนานขึ้น เพื่อดูว่าสามารถใช้กับนักกีฬาประเภทไหนอย่างไร จึงจะเหมาะสม ที่สำคัญเจลไม่ใช่สารกระตุ้นที่ผิดกฎของการแข่งขันกีฬา ยืนยันได้จากการที่การกีฬาแห่งประเทศไทยนำไปให้นักกีฬาใช้ในการแข่งขันจริงหลายรายการ