“Thapsakae Coco” ตัวจริงเรื่องมะพร้าวกะทิ
แต่ละท้องถิ่น แต่ละภูมิภาคของประเทศไทยมีของดีของเด่นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ โดยที่ปัจจุบันได้มีคนรุ่นใหม่นำเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอด เพื่อสร้างเป็นธุรกิจของตนเองอยู่เป็นจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละรายจะเลือกนำเสนอด้วยรูปแบบใด เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค
สามพี่น้องครอบครัว “แซ่ลิ้ม” อย่าง สมภพ แซ่ลิ้ม ,ฉันทนา แซ่ลิ้ม และสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม เลือกที่จะ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้นมาภายใต้เอกลักษณ์จุดเด่นประจำท้องถิ่น จากอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Thapsakae Coco” (ทับสะแกโคโค่)
ของดีท้องถิ่นสู่ธุรกิจ
สมภพ ในฐานะกรรมการ ห้างหุ้นส่วน ทับสะแกซีเล็ค จำกัด (หจก.) เป็นตัวแทนของครอบครัวบอกถึงที่มาไปของไอเดียในการทำธุรกิจว่า เกิดจากการที่พวกตนสามพี่น้องเป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งเดินทางเข้ามาศึกษาที่กรุงเทพมหานคร โดยได้มีการพูดคุยกันมาตลอดถึงการสร้างธุรกิจที่บ้านเกิด ซึ่งก็มองกันว่าอะไรที่เป็นของดีของเด่นของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กสิ่งที่เห็นมาตลอดก็คือมะพร้าวกะทิ ซึ่งมะพร้าวกะทิของอำเภอทับสะแกนั้นขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครต่างก็พูดถึงว่าเป็นของดีประจำท้องถิ่น
ทั้งนี้ พวกตนมีความภาคภูมิใจ มะพร้าวกะทิจากอำเภอทับสะแก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนต่างก็ต้องซื้อมะพร้าวกะทิกลับไปเป็นของฝาก แต่ปัญหาที่สำคัญก็คืออายุในการเก็บรักษาซึ่งอยู่ได้ไม่นานนัก ดังนั้น พวกตนสามพี่น้องจึงมีไอเดียในการนำมะพร้าวกะทิมาแปรรูปเพื่อจำหน่าย โดยมีจุดเริ่มต้นของไอเดียตั้งแต่ปี 59 และสามารถแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรมได้ในปี 60 ภายใต้แบรนด์ “Thapsakae Coco” ซึ่งพี่น้องทุกคนร่วมกันออกไอเดียตามความถนัดของแต่ละคน
สำหรับการทำตลาดในช่วงแรกนั้น แบรนด์เลือกใช้ช่องทางออนไลน์เป็นสื่อในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านทางเพจเฟสบุ๊ก เพื่อจำหน่ายมะพร้าวกะทิแบบลูกสด แต่ก็มีปัญหาเรื่องของอายุผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้เพียง 3-4 วันเท่านั้น แบรนด์จึงพยายามแปรรูปให้เป็นเนื้อมะพร้าวกะทิแบบชิ้น เพื่อส่งให้กับร้านขายขนมหวาน โดยจำหน่ายทั้งในรูปแบบออนไลน์ และการเข้าหาร้านขนมโดยตรง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แบรนด์พบหลังจากนั้นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า เนื้อมะพร้าวกะทิบางชิ้นก็ไม่เหมาะกับการนำมาแช่แข็ง แบรนด์จึงเลือกที่จะนำมะพร้าวดังกล่าวมาแปรรูปให้เป็นไอศครีม เพราะมองว่าเนื้อมะพร้าวละเอียดมาก เหมาะกับการนำมาทำไอศครีม ซึ่งจะทำให้ได้เนื้อไอศครีมที่นุ่มเป็นอย่างมาก และที่สำคัญคุณสมบัติของมะพร้าวกะทิก็คือมีไฟเบอร์สูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ลุยร้านเพื่อสุขภาพพร้อมพัฒนาพันธุ์
สมภพ บอกต่อไปอีกว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Thapsakae Coco ประกอบด้วย มะพร้าวกะทิลูกสด ,เนื้อมะพร้าวกะทิแช่แข็ง ,ไอศครีมมะพร้าวกะทิ ,มะพร้าวกะทิเชื่อม และมะพร้าวกะทิแบบเกล็ดเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมในการทำเบเกอรี่
ช่องทางการทำตลาดเวลานี้ของแบรนด์คือการจำหน่ายผ่านร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ร้านคีโตเฮ้าส์ (Keto House) สาขาเกษตรนวมินทร์ และการทำธุรกิจการค้ากับร้านขายขนมโดยตรง แต่การจำหน่ายหลักยังอยู่บนช่องทางเพจเฟสบุ๊กประมาณ 80% ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ยังคงจำหน่ายอยู่ตามปรัชญาทางธุรกิจในการรักษาฐานลูกค้า หากลูกค้ายังคงทำธุรกิจกับแบรนด์ จนกว่าลูกค้าจะไม่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์กับแบรนด์
ส่วนกลยุทธ์ในการทำตลาดในปีนี้ และระยะต่อไปของแบรนด์นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจกับร้านอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆเพื่อนำไอศครีมเข้าไปจำหน่าย เพราะไอศครีมของแบรนด์เป็นไอศครีมเพื่อสุขภาพ จะไม่มีการเติมน้ำตาลในไอศครีม และทำจากผลไม้สดไม่มีการ ใส่กลิ่น ไม่ว่าจะเป็นไอศครีมมะพร้าวกะทิมะม่วง ,ไอศครีมมะพร้าวกะทิ และไอศครีมมะพร้าวกะทิสับปะรด เป็นต้น
นอกจากนี้ แบรนด์ยังดำเนินการพัฒนาสายพันธุ์มะพร้าวกะมิร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สกว. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย) เพื่อทำให้มะพร้าวทุกต้นที่ปลูกเป็นมะพร้าวกะมิทั้งหมด เพื่อรองรับออเดอร์ในอนาคต หลังจากที่ผ่านมาแบรนด์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีซัพพายเออร์ที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกันอยู่หลายราย แต่มะพร้าวกะทิก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากในจำนวนมะพร้าว 1,000 ลูก จะพบว่าเป็นมะพร้าวกะทิแค่เพียง 1-3 ลูกเท่านั้น
“เมื่อพัฒนาพันธุ์มะพร้าวกะทิได้สำเร็จ และทำให้มะพร้าวกะทิที่ปลูกรุ่นแรกมีผลผลิต ก็จะทำให้แบรนด์สามารถขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่แบรนด์ไม่สามารถรับออเดอร์ได้ เพราะจำนวนมะพร้าวกะทิที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ”
เป้ารายได้โตสู่หลัก 5 ล้านบาท
สมภพ บอกอีกว่าจากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของแบรนด์เติบโตขึ้นเป็น 5 ล้านบาทในปีนี้ หรือโตประมาณ 40% จากปีที่ผ่านมาซึ่งแบรนด์มีรายได้อยู่ที่ 3.5 ล้านบาท และจะเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการพัฒนาพันธุ์มะพร้าวกะทิ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Thapsakae Coco นั้น หากเป็นในรูปแบบของไอศกรีมจะอยู่ที่การไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล รวมถึงการใช้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติทั้งหมด ทำให้ผู้ที่รักสุขภาพสามารถรับประทานได้โดยที่ไม่ต้องกังวล ส่วนที่เป็นเนื้อมะพร้าวกะทิ ก็จะมีการคัดเกรดเนื้อทุกชิ้นก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า โดยคำนึงถึงว่าลูกค้าต้องการนำไปอะไร ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีลูกค้ารายใดเลยที่เปลี่ยนแบรนด์ไปใช้ของแบรนด์อื่น ขณะที่ในรูปแบบที่เป็นลูกสด แบรนด์จะมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดแยก ซึ่งรับประกันความพึงพอใจให้กับลูกค้า
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มีส่วนช่วยในการสนับสนุนธุรกิจของแบรนด์อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาทางด้านการทำตลาด รวมถึงการพาไปหาตลาดผ่านงานแสดงสินค้าต่างๆ และการให้สินเชื่อเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจ”
เบอร์ติดต่อ : 089-9227842 สมภพ แซ่ลิ้ม ,สมศักดิ์ แซ่ลิ้ม ,ฉันทนา แซ่ลิ้ม