“โรแยล พลัส” นำความสดจากธรรมชาติเสิร์ฟถึงมือผู้บริโภค
จุดเริ่มต้นธุรกิจอาจมาได้จากความบังเอิญ แต่เมื่อความบังเอิญกลับกลายเป็นความต้องการของตลาด ขั้นตอนต่อไปก็คือการคิดวางแผนเพื่อการบริหารจัดการให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
“บริษัท โรแยล พลัส จำกัด” เป็นหนึ่งบริษัทที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความต้องการหาผลิตภัณฑ์ไปฝากเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน จนกลายเป็นที่มาของการสร้างโรงงาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด จนนำมาสู่การ Startup ธุรกิจและต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน
จากของฝากสู่ธุรกิจ
สิริวรรณ เกษวิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการของบริษัท บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจว่า มาจากการที่เจ้าของบริษัทต้องเดินทางไปต่างประเทศตลอดจากการทำธุรกิจนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กจากประเทศจีนมาจำหน่ายในประเทศไทย ดังนั้น จึงมีโอกาสพบกับเพื่อนนักธุรกิจบ่อยครั้ง และสิ่งที่มักจะถูกถามถึง และชมอยู่เสมอก็คือ น้ำมะพร้าว ที่มีรสชาติอร่อยแตกต่างจากประเภทอื่น เพราะความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเมื่อได้ยินแบบนั้นอยู่เสมอจึงกลับมาคิดว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะนำน้ำมะพร้าวจากไทยไปฝากได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องคงความเป็นน้ำมะพร้าวสดอยู่ในแพคแกจก่อนที่จะถูกเปิดออกดื่ม เพราะหากจะให้ถือไปเป็นลูก แล้วไปปลอกรับประทานคงจะไม่สะดวก
เมื่อเป็นดังนั้นจึงได้เริ่มเปิดโรงงานขนาดเล็กเพื่อผลิตน้ำมะพร้าวโดยไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง มุ่งหวังเพียงแค่ให้ได้มีผลิตภัณฑ์ไปฝากเพื่อนนักธุรกิจ ส่วนที่เหลือก็จำหน่ายออกไป เพราะยังทำธุรกิจนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดิมอยู่ โดยตลาดแรกที่ส่งน้ำมะพร้าวไปจำหน่ายคือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปรากฎว่าได้ผลตอบรับที่ดีอย่างมาก จนต้องเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต เพื่อตอบรับออเดอร์ที่มีเข้ามาไม่หยุด และทำท่าว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปธุรกิจอาจจะไปไม่รอด เพราะขนาดของโรงงานไม่ตอบโจทย์
เมื่อเป็นดังนั้นบริษัทจึงได้ดำเนินการขยายโรงงานไปยังสถานที่แห่งใหม่ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 88 ไร่ จากเดิมที่มีพื้นที่ไม่ถึง 10 ไร่ พร้อมกับลงทุนซื้อเครื่องจักร และเริ่มเดินเครื่องผลิตประมาณไตรมาสที่ 3/58 และเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพในไตรมาส 2/59 โดยเริ่มมีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นเพิ่มเติมเข้ามา จนปัจจุบันมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เช่น น้ำผสมเม็ดแมงลัก น้ำผึ้งจากดอกลำใยผสมโสมแดงพร้อมเมล็ดเซีย และน้ำนมมะพร้าว เป็นต้น
ระยะเวลา 5-6 ปีโตสู่ 700 ล้าน
สิริวรรณ บอกต่อไปว่า หลังจากที่เริ่มก่อตั้งก่อตั้งโรงาน สิ่งแรกที่บริษัทดำเนินการก็คือการหาทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) จนสามารถค้นพบทีมที่แข็งแกร่ง และอยู่คู่กับบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน โดยกลายเป็นจุดแข็งของบริษัทด้านหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้โรงงานแห่งใหม่ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดได้จนนำไปสู่รายได้ที่เติบโตขึ้นภายในระยะเวลา 5-6 ปีไปสู่หลัก 700 ล้านบาทในปี 61 จากเดิมที่ปี 55 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 26 ล้านบาทเท่านั้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้น นอกจากการขยายโรงงานแล้วมองว่ามาจากการนำนวัตกรรม ระบบคุณภาพ และประสิทธิภาพการผลิตมาปรับใช้ โดยแนวคิดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็คือการคงความเป็นธรรมชาติไปสู่ผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และมีผลต่อการเติบโตของยอดขายอย่าง น้ำนมมะพร้าว บริษัทได้ใส่นวัตกรรมเพื่อให้น้ำนมคงสภาพความเป็นน้ำนม เพราะในมุมมองของผู้บริโภคต่างประเทศ คำว่าน้ำนมจะต้องมีลักษณะสีขาวข้น ไม่มีการแยกตัวของชั้นน้ำ ซึ่งดูเหมือนผลิตภัณฑ์เสีย แม้ว่าผู้บริโภคคนไทยจะเข้าใจธรรมชาติของน้ำกะทิ แต่ในต่างประเทศไม่ใช่ การใส่นวัตกรรมจึงตอบโจทย์ได้ เพราะลูกค้ากว่า 95% ของบริษัทมาจากการส่งออก
เช่นเดียวกับน้ำผสมเม็ดแมงลัก ซึ่งบริษัทใส่นวัตกรรมให้เม็ดแมงลักกระจายตัวไปอยู่ทั่วขวดจนดูน่ารับประทานมากกว่าการที่เม็ดแมงลักจมอยู่ก้นขวดแล้วต้องเขย่าก่อนดื่ม โดยมองว่าหากไม่มีนวัตกรรมคงไม่สามารถขายได้ในตลาดโลก ซึ่งการใส่นวัตกรรมทำให้สินค้าแตกต่างจากสภาพธรรมชาติที่มี โดยจะทำอย่างไรให้สภาพดูแตกต่างจากจุดอ่อนทางธรรมชาติ แต่ให้คงความเป็นธรรมชาติอยู่ในขวด เพื่อให้คงรูปอยู่บนชั้นวางขายที่ใดก็ได้ของโลก เพราะแนวคิดเดิมของบริษัทคือนำความสดของน้ำมะพร้าวเข้าไปในขวด ยอดขายจึงตามมาด้วยความพยายามทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะมองที่ปลายทางตั้งแต่แรกว่าจะขายได้ไหมหากทำออกมา
“แรกเริ่มเดิมทีบริษัท โรแยล พลัส จำกัดก็เป็นเหมือนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไปที่นึกอยากจะผลิตอะไรออกมาจำหน่ายก็ผลิตออกมา โดยไม่ได้สนใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ แต่บริษัทถือว่าดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างถูกทางเมื่อถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน ทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และมียอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา”
ตั้งเป้า 900 ล้านบาทปี 62
สิริวรรณ บอกต่อปีอีกถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดในระยต่อไปด้วยว่า บริษัทจะมุ่งเน้นที่ตลาดเอเชียเป็นสำคัญ เนื่องจากมองว่ามีสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่าแถบตะวันตก แต่ก็ยังไม่ละทิ้งพื้นที่ทางการตลาดทางยุโรป และสหรัฐฯ เพราะยังสามารถขยายได้อีกมากจากขนาด และส่วนแบ่งทางการตลาดที่บริษัทมีอยู่ซึ่งยังไม่สูงมาก โดยในส่วนของเอเชียนั้นจะรุกตลาดเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงอินโดนีเซีย และกลุ่ม CLMV
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มเข้าไปทำตลาดด้วยตนเองมากขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง หลังจากที่ผ่านมาบรัทจะส่งผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์กลาง (HUB) หลังจากนั้นก็จะมีการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศอื่นๆ โดยล่าสุดเริ่มเข้าไปทำตลาดที่ประเทศเยเมนได้เรียบร้อยแล้ว และกำลังเริ่มเจรจากับคู่ค้าในประเทศอิหร่าน
ด้านของยุโรปบริษัทจะเริ่มเข้าทำตลาดที่ประเทศอังกฤษมากขึ้น พร้อมทั้งขยายตลาดมายังฝั่งยุโรปตะวันตกเดิม โดยปัจจุบันสามารถหาพันธมิตรทางธุรกิจได้แล้ว จากเดิมที่มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่ทางด้านสหรัฐฯก็กำลังวางแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มเติม โดยกำลังเตรียมการเรื่องการออกงานแสดงสินค้าที่นั่น
“ด้วยความที่เป็นโรงงานผลิตกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทก็คือ การทำให้คู่ค้าได้รู้จักบริษัท สร้างการรับรู้ เพื่อให้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปต่อยอดหรือจำหน่ายต่อ โดยเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และหลายแพคเกจ เพื่อให้คู่ค้าได้เลือกนำเข้าไปทำตลาด เพราะความต้องการของแต่ละประเทศ และข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งในปีหน้าผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทที่จะเจาะตลาดยังเป็นน้ำนมมะพร้าว ซึ่งจะมีการปรับประยุกต์รสชาติอื่นเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค เช่น กาแฟผสมนมมะพร้าว นมมะพร้าวผสมข้าวไรซ์เบอรรี่ เป็นต้น โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะอยู่ภายใต้แบรนด์ โคโค่ โรแยล (CoCo Royal) และนิต้า (Nit@)”
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น ล่าสุดบริษัทได้มีผลิตภัณฑ์น้ำนมถั่วเหลืองเข้าวางจำหน่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา โดยบริษัทมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายในซุบเปอร์มาเก็ตระดับพรีเมี่ยมด้วย ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับร้านแม็กซ์แวลู (Maxvalu) ,วิลล่า มาร์เก็ต (Villa Market) และท็อปส์ มาร์เก็ต พรีเมี่ยม โดยจากกลยุท์ในการทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บรัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาทในปี 62
บุคลากรหัวใจสำคัญขององค์กร
หลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของ โรแยล พลัส สิริวรรณมองว่า อยู่ที่เรื่องของบุคคลากร หรือคนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ เพราะงานทุกอย่างบนโลกใบนี้ทำได้ด้วยคน ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ แนวคิด ความคิดในการทำงาน การมุ่งมั่นปรับปรุงตนเองและผลงาน หากไม่มีคน งานหรือภาพรวมของงานในส่วนรวมก็ไม่สามารถพัฒนาได้ โดยที่บริษัทจะมีผู้จัดการฝ่ายแยกแต่ละฝ่าย และมีการแบ่งกลุ่มกันดูแล ถัดขึ้นมาก็จะมีผู้บริหารสายงานที่ดูตามส่วนงาน ซึ่งบริษัทจะเน้นการพัฒนาผู้อำนวยการกับผู้จัดการมาก ทั้งองค์ความคิด วิธีคิดในการบริหารงาน วิธีคิดในการอยู่ร่วมกัน โดยเชื่อว่าหากมีภายในที่แข็งแกร่งและมีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนก็จะสามารถพาองค์กรให้เติบโตต่อไปได้
จุดเริ่มต้นธุรกิจอาจมาได้จากความบังเอิญ แต่เมื่อความบังเอิญกลับกลายเป็นความต้องการของตลาด ขั้นตอนต่อไปก็คือการคิดวางแผนเพื่อการบริหารจัดการให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
“บริษัท โรแยล พลัส จำกัด” เป็นหนึ่งบริษัทที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความต้องการหาผลิตภัณฑ์ไปฝากเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน จนกลายเป็นที่มาของการสร้างโรงงาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด จนนำมาสู่การ Startup ธุรกิจและต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน
จากของฝากสู่ธุรกิจ
สิริวรรณ เกษวิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการของบริษัท บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจว่า มาจากการที่เจ้าของบริษัทต้องเดินทางไปต่างประเทศตลอดจากการทำธุรกิจนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กจากประเทศจีนมาจำหน่ายในประเทศไทย ดังนั้น จึงมีโอกาสพบกับเพื่อนนักธุรกิจบ่อยครั้ง และสิ่งที่มักจะถูกถามถึง และชมอยู่เสมอก็คือ น้ำมะพร้าว ที่มีรสชาติอร่อยแตกต่างจากประเภทอื่น เพราะความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเมื่อได้ยินแบบนั้นอยู่เสมอจึงกลับมาคิดว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะนำน้ำมะพร้าวจากไทยไปฝากได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องคงความเป็นน้ำมะพร้าวสดอยู่ในแพคแกจก่อนที่จะถูกเปิดออกดื่ม เพราะหากจะให้ถือไปเป็นลูก แล้วไปปลอกรับประทานคงจะไม่สะดวก
เมื่อเป็นดังนั้นจึงได้เริ่มเปิดโรงงานขนาดเล็กเพื่อผลิตน้ำมะพร้าวโดยไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง มุ่งหวังเพียงแค่ให้ได้มีผลิตภัณฑ์ไปฝากเพื่อนนักธุรกิจ ส่วนที่เหลือก็จำหน่ายออกไป เพราะยังทำธุรกิจนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดิมอยู่ โดยตลาดแรกที่ส่งน้ำมะพร้าวไปจำหน่ายคือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปรากฎว่าได้ผลตอบรับที่ดีอย่างมาก จนต้องเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต เพื่อตอบรับออเดอร์ที่มีเข้ามาไม่หยุด และทำท่าว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปธุรกิจอาจจะไปไม่รอด เพราะขนาดของโรงงานไม่ตอบโจทย์
เมื่อเป็นดังนั้นบริษัทจึงได้ดำเนินการขยายโรงงานไปยังสถานที่แห่งใหม่ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 88 ไร่ จากเดิมที่มีพื้นที่ไม่ถึง 10 ไร่ พร้อมกับลงทุนซื้อเครื่องจักร และเริ่มเดินเครื่องผลิตประมาณไตรมาสที่ 3/58 และเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพในไตรมาส 2/59 โดยเริ่มมีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นเพิ่มเติมเข้ามา จนปัจจุบันมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เช่น น้ำผสมเม็ดแมงลัก น้ำผึ้งจากดอกลำใยผสมโสมแดงพร้อมเมล็ดเซีย และน้ำนมมะพร้าว เป็นต้น
ระยะเวลา 5-6 ปีโตสู่ 700 ล้าน
สิริวรรณ บอกต่อไปว่า หลังจากที่เริ่มก่อตั้งก่อตั้งโรงาน สิ่งแรกที่บริษัทดำเนินการก็คือการหาทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) จนสามารถค้นพบทีมที่แข็งแกร่ง และอยู่คู่กับบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน โดยกลายเป็นจุดแข็งของบริษัทด้านหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้โรงงานแห่งใหม่ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดได้จนนำไปสู่รายได้ที่เติบโตขึ้นภายในระยะเวลา 5-6 ปีไปสู่หลัก 700 ล้านบาทในปี 61 จากเดิมที่ปี 55 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 26 ล้านบาทเท่านั้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้น นอกจากการขยายโรงงานแล้วมองว่ามาจากการนำนวัตกรรม ระบบคุณภาพ และประสิทธิภาพการผลิตมาปรับใช้ โดยแนวคิดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็คือการคงความเป็นธรรมชาติไปสู่ผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และมีผลต่อการเติบโตของยอดขายอย่าง น้ำนมมะพร้าว บริษัทได้ใส่นวัตกรรมเพื่อให้น้ำนมคงสภาพความเป็นน้ำนม เพราะในมุมมองของผู้บริโภคต่างประเทศ คำว่าน้ำนมจะต้องมีลักษณะสีขาวข้น ไม่มีการแยกตัวของชั้นน้ำ ซึ่งดูเหมือนผลิตภัณฑ์เสีย แม้ว่าผู้บริโภคคนไทยจะเข้าใจธรรมชาติของน้ำกะทิ แต่ในต่างประเทศไม่ใช่ การใส่นวัตกรรมจึงตอบโจทย์ได้ เพราะลูกค้ากว่า 95% ของบริษัทมาจากการส่งออก
เช่นเดียวกับน้ำผสมเม็ดแมงลัก ซึ่งบริษัทใส่นวัตกรรมให้เม็ดแมงลักกระจายตัวไปอยู่ทั่วขวดจนดูน่ารับประทานมากกว่าการที่เม็ดแมงลักจมอยู่ก้นขวดแล้วต้องเขย่าก่อนดื่ม โดยมองว่าหากไม่มีนวัตกรรมคงไม่สามารถขายได้ในตลาดโลก ซึ่งการใส่นวัตกรรมทำให้สินค้าแตกต่างจากสภาพธรรมชาติที่มี โดยจะทำอย่างไรให้สภาพดูแตกต่างจากจุดอ่อนทางธรรมชาติ แต่ให้คงความเป็นธรรมชาติอยู่ในขวด เพื่อให้คงรูปอยู่บนชั้นวางขายที่ใดก็ได้ของโลก เพราะแนวคิดเดิมของบริษัทคือนำความสดของน้ำมะพร้าวเข้าไปในขวด ยอดขายจึงตามมาด้วยความพยายามทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะมองที่ปลายทางตั้งแต่แรกว่าจะขายได้ไหมหากทำออกมา
“แรกเริ่มเดิมทีบริษัท โรแยล พลัส จำกัดก็เป็นเหมือนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไปที่นึกอยากจะผลิตอะไรออกมาจำหน่ายก็ผลิตออกมา โดยไม่ได้สนใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ แต่บริษัทถือว่าดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างถูกทางเมื่อถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน ทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และมียอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา”
ตั้งเป้า 900 ล้านบาทปี 62
สิริวรรณ บอกต่อปีอีกถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดในระยต่อไปด้วยว่า บริษัทจะมุ่งเน้นที่ตลาดเอเชียเป็นสำคัญ เนื่องจากมองว่ามีสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่าแถบตะวันตก แต่ก็ยังไม่ละทิ้งพื้นที่ทางการตลาดทางยุโรป และสหรัฐฯ เพราะยังสามารถขยายได้อีกมากจากขนาด และส่วนแบ่งทางการตลาดที่บริษัทมีอยู่ซึ่งยังไม่สูงมาก โดยในส่วนของเอเชียนั้นจะรุกตลาดเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงอินโดนีเซีย และกลุ่ม CLMV
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มเข้าไปทำตลาดด้วยตนเองมากขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง หลังจากที่ผ่านมาบรัทจะส่งผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์กลาง (HUB) หลังจากนั้นก็จะมีการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศอื่นๆ โดยล่าสุดเริ่มเข้าไปทำตลาดที่ประเทศเยเมนได้เรียบร้อยแล้ว และกำลังเริ่มเจรจากับคู่ค้าในประเทศอิหร่าน
ด้านของยุโรปบริษัทจะเริ่มเข้าทำตลาดที่ประเทศอังกฤษมากขึ้น พร้อมทั้งขยายตลาดมายังฝั่งยุโรปตะวันตกเดิม โดยปัจจุบันสามารถหาพันธมิตรทางธุรกิจได้แล้ว จากเดิมที่มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่ทางด้านสหรัฐฯก็กำลังวางแผนที่จะขยายตลาดเพิ่มเติม โดยกำลังเตรียมการเรื่องการออกงานแสดงสินค้าที่นั่น
“ด้วยความที่เป็นโรงงานผลิตกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทก็คือ การทำให้คู่ค้าได้รู้จักบริษัท สร้างการรับรู้ เพื่อให้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปต่อยอดหรือจำหน่ายต่อ โดยเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และหลายแพคเกจ เพื่อให้คู่ค้าได้เลือกนำเข้าไปทำตลาด เพราะความต้องการของแต่ละประเทศ และข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งในปีหน้าผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทที่จะเจาะตลาดยังเป็นน้ำนมมะพร้าว ซึ่งจะมีการปรับประยุกต์รสชาติอื่นเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค เช่น กาแฟผสมนมมะพร้าว นมมะพร้าวผสมข้าวไรซ์เบอรรี่ เป็นต้น โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะอยู่ภายใต้แบรนด์ โคโค่ โรแยล (CoCo Royal) และนิต้า (Nit@)”
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น ล่าสุดบริษัทได้มีผลิตภัณฑ์น้ำนมถั่วเหลืองเข้าวางจำหน่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา โดยบริษัทมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายในซุบเปอร์มาเก็ตระดับพรีเมี่ยมด้วย ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับร้านแม็กซ์แวลู (Maxvalu) ,วิลล่า มาร์เก็ต (Villa Market) และท็อปส์ มาร์เก็ต พรีเมี่ยม โดยจากกลยุท์ในการทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บรัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาทในปี 62
บุคลากรหัวใจสำคัญขององค์กร
หลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของ โรแยล พลัส สิริวรรณมองว่า อยู่ที่เรื่องของบุคคลากร หรือคนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ เพราะงานทุกอย่างบนโลกใบนี้ทำได้ด้วยคน ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ แนวคิด ความคิดในการทำงาน การมุ่งมั่นปรับปรุงตนเองและผลงาน หากไม่มีคน งานหรือภาพรวมของงานในส่วนรวมก็ไม่สามารถพัฒนาได้ โดยที่บริษัทจะมีผู้จัดการฝ่ายแยกแต่ละฝ่าย และมีการแบ่งกลุ่มกันดูแล ถัดขึ้นมาก็จะมีผู้บริหารสายงานที่ดูตามส่วนงาน ซึ่งบริษัทจะเน้นการพัฒนาผู้อำนวยการกับผู้จัดการมาก ทั้งองค์ความคิด วิธีคิดในการบริหารงาน วิธีคิดในการอยู่ร่วมกัน โดยเชื่อว่าหากมีภายในที่แข็งแกร่งและมีแนวทางการทำงานที่ชัดเจนก็จะสามารถพาองค์กรให้เติบโตต่อไปได้