“ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์”เสิร์ฟไอเดียสร้างความต่าง
ไอเดียความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างความแตกต่าง และเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้ หากไอเดียดังกล่าวนั้นสร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภคได้ เพราะการตลาดในยุคปัจจุบันเป็นโลกของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ซึ่งกระจายตัวไปได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ผู้บริโภคให้การยอมรับในไอเดีย และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความสำเร็จของธุรกิจก็อยู่ไม่ไกลเกินที่จะเอื้อมถึง
“ศราวุธ อันล้ำเลิศ” คือชายหนุ่มผู้มีความสุขกับการทำธุรกิจที่ตนเองรัก จนทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรูปแบบธุรกิจที่เป็นของตนเอง แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในสถานที่ซึ่งอาจจะไม่ใช่แหล่งกำเนิดดั้งเดิม แต่ก็นำความเป็นท้องถิ่นมาผสมผสานจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงสร้างความแตกต่างทางการตลาดได้ และ Startup ธุรกิจของตนเองได้ภายใต้ชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์”
จุดเริ่มต้นธุรกิจ
ศราวุธ ในฐานะเจ้าของธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์ ที่จังหวัดพิษณุโลก บอกถึงที่มาที่ไปของการทำธุรกิจว่า ดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว 7 ปีเต็ม โดยเป็นการทำร้านขายก๋วยเตี๋ยวปากหม้อแบบธรรมดาสูตรโบราณทั่วไป หลังจากนั้นจึงลงทุนทำร้านใหม่ด้วยงบประมาณกว่า 2 ล้านบาท เพื่อสร้างร้านที่มีเอกลักษณ์ โดยใช้ตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นขนมปากหม้อมาเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดความน่าสนใจของลูกค้า
โดยเลือกใส่ไอเดียลงไปและทำออกมาเป็น 7 สูตร 7 สี 7 รสชาติ ได้แก่ สีส้มสูตรแครอท ,สีน้ำตาลสูตรไซโป๊สับ ,สีขาวสูตรถั่วงอกและวุ้นเส้น ,สีเหลืองสูตรข้าวโพด ,สีเขียวสูตรกุยช่าย ,สีม่วงสูตรกะหล่ำม่วง ,สูตรปากหม้อไส้เผือก รวมถึงน้ำซุปสูตรพิเศษ 5 สูตร ประกอบด้วย น้ำซุปใส,น้ำซุปต้มยำ,น้ำซุปต้มยำทะเล,น้ำซุปเย็นตาโฟ,น้ำซุปเย็นตาโฟต้มยำ ซึ่งแตกต่างจากสูตรดั้งเดิมที่ผู้บริโภครู้จัก เพราะหากเป็นก๋วยเตี๋ยวปากหม้อแบบดั้งเดิมจะมีเพียงน้ำซุปแบบใสเท่านั้น
อีกทั้งยังมีการเพิ่มเติมด้วยขนมปากหม้อห่อกุ้ง ,ปากหม้อห่อก้ามปู และนำซุปพิเศษตามภูมิภาค เช่น ข้าวซอย และแบบขลุกขลิก เป็นต้น โดยทั้งหมดเป็นสูตรที่ทำเองคิดเอง เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีเมนุคาวหวานอื่นๆให้ลุกค้าได้เลือกรับประทานด้วย เช่น ส้มตำ ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นต้น
ต่อยอดสู่ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำ
ศราวุธ บอกต่อไปอีกว่า ล่าสุดทางร้านได้มีการต่อยอดธุรกิจเพื่อเพิ่มขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ให้กับร้านไปสู่การทำเมนูก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำ โดยจะเป็นรูปแบบของการเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสดบนสายพานที่เป็นสายน้ำวน ซึ่งลูกค้าจะนั่งล้อมวงรับประทานก๋วยเตี๋ยวปากหม้อที่แต่ละคนเลือกเองจากการทำแบบสดๆในแต่ละไส้ พร้อมเลือกน้ำซุปของก๋วยเตี๋ยวตามต้องการ โดยจะมีที่นั่งจำนวนจำกัด เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมนูดังกล่าว
ไอเดียในการต่อยอดเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำช่วยทำให้ร้านมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานตัวขนมปากหม้อได้ตามต้องการ และการเลือกน้ำซุป ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างกัน แต่อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น ตัวปากหม้อจะถูกจัดเสริฟ์อยู่ในจานราคาตั้งแต่ 5-25 บาท ขณะที่น้ำซุปหากลุกค้าเลือกน้ำซุปใสก็จะอยู่ที่ประมาณ 30 บาท ,น้ำซุปต้มยำราคา 35 บาท และน้ำซุปต้มยำทะเลราคา 50 บาท โดยการรับประทานรูปแบบใหม่นี้จะทำให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกรับประทานได้มากขึ้น จากเดิมที่ทางร้านจะเสิรฟ์เป็นแบบสำเร็จรูป และมีราคาที่กำหนดตามเช็ทที่ลูกค้าสั่ง
“เมนูใหม่ที่เป็นก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า และช่วยเพิ่มยอดรายได้ให้กับร้าน จากการที่ลูกค้าเลือกหยิบจับตัวขนมปากหม้อ และน้ำซุปตามที่แต่ละคนต้องการ จากเดิมที่อาจจะเคยรับประทานเป็นเซ็ทที่ทางร้านจัดทำเป็นเมนูให้ในราคาประมาณ 80 บาท ก็อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 บาท โดยจากการดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้ร้านมีรายได้อยู่ที่ประมาณเดือนละประมาณ 8 แสนบาท ซึ่งเป็นระดับที่ทรงตัวจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก”
ผุดสาขาเพิ่มจังหวัดละ 1 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทางร้านยังมีการขยายธุรกิจไปสู่การเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจต้องการเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์ได้มีธุรกิจเป็นของตนเอง ภายใต้แบรนด์ของทางร้าน โดยที่ตนเองจะเป็นผู้สอนสูตรในการทำก๋วยเตี๋ยวปากหม้อให้ แต่จะไม่ได้เป็นรูปแบบของแฟรนไชน์ ซึ่งผู้ที่สนใจจะต้องซื้ออุปกรณ์หรือวัตถุดิบจากทางร้าน โดยมีความเชื่อว่าหัวเมืองขนาดใหญ่มีศักยภาพเพียงพอที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายเรนโบว์จะเข้าไปเปิดให้บริการได้ ซึ่งร้านจะกำหนดให้มีจังหวัดละ 1 ร้านเท่านั้น
“ขณะนี้มีผู้ที่สนใจนำธุรกิจก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายเรนโบว์ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดมีเปิดให้บริการแล้วที่จังหวัดนครปฐม หลังจากนั้นในลำดับถัดไปจะเป็นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และในช่วงต้นปี 62 จะเปิดให้บริการอีก 1 แห่งที่จังหวัดขขอนแก่น ซึ่งทุกร้านจะใช้ชื่อเดียวกัน โดยจะแตกต่างกันแค่เพียงบอกว่าแอด (@) จังหวัดใด โดยจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างรายได้ให้กับทางร้านในอนาคต”
ศราวุธ บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์ทางการตลาดที่ส่งให้ร้านเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมาจากพลังของสื่อโซเชียลมีเดีย โดยหลักที่เป็นจุดเริ่มจะมาจากเว็บไซด์ของดีเมืองพิษณุโลก ซึ่งร้านติดอันดับ 1 ของเว็บทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ทางร้านยังมีเพจเฟสบุ๊กของร้าน (Facebook : https://www.facebook.com/pakmorrainbow) ที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ และจากลูกค้าที่มารับประทานถ่ายรูปและแชร์ลงไปบนโซเชี่ยลฯ
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่ามาจากความชื่นชอบในการรับประทานของตน รวมถึงการเอาใจใส่ในเรื่องของการบริหารจัดการวัตถุดิบ และระบบการเงินด้วยตนเอง และการให้บริการด้วยตนเองด้วย ซึ่งลูกค้าที่มารับประทานจะเห็นตนเป็นผู้ทำขนมปากหม้อเองเป็นหลัก โดยเมื่อทำธุรกิจด้วยใจรักและมีความสุขในสิ่งที่ทำ ก็จะทำให้ธุรกิจออกมาน่าสนใจ และนำพาไปสู่ความสำเร็จได้