“Kevina”นวัตกรรมจากธรรมชาติสู่ผู้บริโภค
ความรักและความชื่นชอบมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการหลายราย ด้วยเพราะความชำนาญ รวมถึงความสนุก และความสุขที่ได้ทำ ส่งผลให้ธุรกิจธุรกิจส่วนใหญ่มักจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และสามารถต่อยอด หรือขยายธุรกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
“ถิระวัฒน์ วัฒนวณิชยกุล” คือหนึ่งในชายหนุ่มที่มีจุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากสิ่งที่ตนเองรัก จึงได้ลงทุนเพื่อศึกษาให้ลงลึกไปถึงแก่น ก่อนที่จะมาสร้างสรรค์ให้ออกมาเป็นธุรกิจของตนเอง จนสามารถ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้นมาได้ภายใต้แบรนด์ “Kevina”
จากความรักสู่ธุรกิจ
ถิระวัฒน์ ในฐานะผู้ก่อตั้ง บริษัท สวัสดีตอนเช้า จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า มาจากความชื่นชอบในการเลี้ยงสัตว์อย่าง สุนัข และแมว จนทำให้นำพาตนเองเดินทางไปศึกษา และเรียนรู้วิชาการตัดขนสุนัขถึงประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมุ่งหวังที่จะนำความรู้กลับมาประกอบธุรกิจที่เป็นของตนเอง จนก่อตั้งธุรกิจกรูมมิ่งด้วยใจรักของตนเองได้ในปี 2542 หลังจากนั้นจึงพัฒนาต่อยอดธุรกิจไปสู่การสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์อย่าง แชมพู และนำมันหอมบำรุงขน ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Kavina”
“ชื่อแบรนด์ Kevina มาจากตอนที่ตนรับตัดขนสุนัข และมีนักศึกษาคู่หนึ่งที่เป็นคนรักกันนำสุนัขชื่อเควิน มาฝากและไม่ได้มารับกลับไป เนื่องจากเกิดความไม่เข้าใจกันจนมีปัญหากัน ทำให้ตนต้องเป็นผู้ที่เลี้ยงดู เควิน ให้ แต่เมื่อทั้ง 2 คืนดีกันก็มารับ เควิน กลับไปเลี้ยงดู จนกระทั่งเสียชีวิต โดยเมื่อตนได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขออกมา จึงเลือกที่จะใช้ชื่อ เควิน มาเป็นจุดตั้งต้น เพื่อเป็นการรำลึกถึง เควิน ที่ตนเคยดูแล และมีความผูกพันเป็นอย่างมาก”
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Kevina” นั้น อันดับแรกเลยอยู่ที่เรื่องของกลิ่น ซึ่งจะมุ่นมาก เพราะตนคำนึงถึงประสาทการรับรู้กลิ่นของสุนัข และแมวที่จะมีความซับซ้อนกว่าของมนุษย์ และมีการดมกลิ่นที่ดีกว่า เพราะฉะนั้นเมื่อมีกลิ่นหอมที่มากเกินไป ซึ่งจมูกมนุษย์ดมแล้วมองว่าหอม แต่หากเป็นสุนัข และแมว กลิ่นที่หอมมากเหล่านั้นจะเข้าไปบาดจมูก ดังนั้น ผลิตภัณฑ์แชมพูของ Kevina จึงเลือกใช้ส่วนผสมอโรม่าที่ทำมาจากธรรมชาติ เมื่อใช้แล้วจะได้กลิ่นของความสะอาดไม่คาว
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พฤติกรรมของผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะชื่นชอบกลิ่นที่หอม แบรนด์จึงนำเสนอน้ำมันหอมบำรุงขนมาให้ใช้ควบคู่กัน โดยที่ผู้ใช้เพียงชโลมน้ำมันหอมใส่มือ และลูบไปที่ขนก็จะทำให้เกิดความหอม และทำให้ขนไม่พันกัน โดยที่ไม่ต้องถูกผิวหนัง ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดความเสี่ยงต่อการอาการแพ้ของสัตว์
“ศาสตร์ทางด้านของกลิ่น ตนมีโอกาสได้ไปเรียนรู้มาจากประเทศกาน่ามามากกว่า 10 ปีจนมีความเชี่ยวชาญ ถึงขนาดสามารถแยกแยะและผสมกลิ่นต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานตามที่ต้องการได้ ทำให้การเลือกกลิ่นมาใช้ในผลิตภัณฑ์เป็นไปด้วยความเหมาะสม”
นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ Kevina Natural
ถิระวัฒน์ บอกต่อไปอีกว่า ด้วยความที่เป็นศิลปินจึงไม่ค่อยมีความถนัดในเรื่องของการทำตลาด โดยในประเทศไทยจะค่อนข้างเลือกร้านที่จำหน่าย เช่น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำ และห้างสรรพสินค้าในระดับที่เป็นระดับพรีเมี่ยม ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็จะมีไปจำหน่ายที่ประเทศ ญี่ปุ่น ,เยอรมัน จากการส่งเสริมของภาครัฐที่ช่วยสนับสนุน โดยผลิตภัณฑ์ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าชีวิตจะสวยหรูเสมอไป เพราะมีช่วงหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของตนต้องพบกับความดราม่า จากการร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน และถูกโกงจนถึงขั้นทำให้ตนล้มละลาย ถึงขนาดไม่มีบ้านจะอาศัยเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ด้วยความที่ไม่ย่อท้อ ผสมผสานกับไอเดียที่มาจากการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านตามที่ได้ร่ำเรียนมา ตนจึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมานำเสนอสู่ตลาดในรูปแบบของ “ตลับหอมไล่ยุง” ซึ่งไม่ต้องจุดไฟ หรือว่าฉีดพ่น แต่สามารถป้องกันยุงให้กับสัตว์เลี้ยงได้ในรัศมี 2 เมตร โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Kevina Natural”
“ความตั้งใจเดิมคือต้องการทำ ตลับหอมไล่ยุง มาใช้กับสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อผู้บริโภคเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำมาจากธรรมชาติ และสามารถใช้กับสัตว์เลี้ยงซึ่งมีประสาทที่ไวกว่ามนุษย์ได้อย่างปลอดภัย จึงเลือกที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้กับลูกหลานที่บ้านด้วย เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบออแกนิก 100% ทำให้ปัจจุบันตลับหอมไล่ยุงมียอดจำหน่ายสำหรับเอาไปใช้กับมนุษย์ถึง 90% และนำไปใช้กับสัตว์เลี้ยงเพียง 10%”
ถิระวัฒน์ บอกอีกว่า ด้วยความที่ตนนำผลิตภัณฑ์ไปทำตลาดที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์รูปเท้าสุนัขที่อยู่บนตัว ไอ ให้กลายเป็นรูปดอกไม้ เพื่อความเหมาะสมในการนำเสนอ และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เมื่อตลับหอมไล่ยุงประสบความสำเร็จด้วยดี ตนจึงพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบของ “บาล์มขี้ผึ้งสมุนไพรแท้”ที่สามารถใช้ได้กับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
“เมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ตนมองว่าการทำตลาดคนเดียวคงจะเพียงพอ จึงเลือกที่ชวนเพื่อนอย่าง จอย อรุณสวัสดิ์ ภูริทัตพงศ์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาไทยเข้ามาช่วย เพราะเราต้องการเน้นความเป็นไทย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ไปตามงานแสดงสินค้าต่างๆ จนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเป็นกระแสในโลกออนไลน์ จนทำให้มีผู้ที่ซื้อแล้วนำไปจำหน่ายต่อมากกว่า 400 รายบนช่องทางออนไลน์ หรือเรียกว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างไม่เป็นทางการบริษัท”
เล็งสร้างตัวแทนจังหวัดละ 1 ราย
ถิระวัฒน์ บอกอีกว่า เมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทจึงจะดำเนินการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ เพราะมองว่าการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ไม่สามารถควบคุมได้ โดยจะใช้รูปแบบของการมีตัวแทนจังหวัดละ 1 ราย ซึ่งตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางในการปราบยุงของแต่ละจังหวัด โดยที่ตัวแทนสามารถนำไปจำหน่ายต่อที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ,ร้านสเต็ก หรือหน่วยงานราชการ เป็นต้น พร้อมกันนี้ก็จะมีการนำเอกลักษณ์ของความเป็นไทยในแต่ละท้องถิ่นมาผสมผสานกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะโดดเด่นเรื่องงานจักรสาน และผ้าทอ ซึ่งอาจจะทำเป็นกระเป๋าเพื่อนำมาใส่ผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายคู่กัน เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร และชาวบ้านโดยตรง ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มมูลคาให้กับผลิตภัณฑ์
“ในอนาคตบริษัทตั้งใจที่จะเปิดให้มีการแข่งขันการนำเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่า เพื่อเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ บริษัทก็จะรับซื้อผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นนั้นทันที”
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น จะมุ่งเน้นที่ความชื่อสัตย์เป็นลำดับแรก โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะต้องมีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้เรามั่นใจในการนำเสนอต่อลูกค้า เรียกว่าเป็นการซื้อสัตย์ต่อลูกค้า และตัวเราเองไปพร้อมๆกัน