“Gemio” นวัตกรรมรองเท้าเพื่อสิ่งแวดล้อม
องค์ความรู้คือทรัพย์สินทางธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งสามารถทำให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง ทั้งการรับจ้างผลิต (OEM) หรือการต่อยอดสร้างธุรกิจให้แตกแขนงออกไปภายใต้พื้นฐานความรู้เดิม จนกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ตอบรับกระแสความต้องการของตลาด
บริษัท เดอะ โคลเวอร์ จำกัด คือบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตรองเท้าผ้าใบทุกแบบ โดยทำธุรกิจมาตั้งแต่สมัยรุ่นของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งต่างก็ได้นำประสบการณ์จากการทำงานมาปลุกปั้นด้วยน้ำพักน้ำแรงจนสามารถก่อตั้งธุรกิจ และสืบทอดมายังเจเนอเรชั่นปัจจุบันในรุ่นลูก
จากรุ่นสู่รุ่น
ชลัฐ เตชะวีรภัทร ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ โคลเวอร์ จำกัด เล่าถึงที่มาที่ไปของการก่อตั้งธุรกิจของบริษัท ว่า มีจุดเริ่มต้นมาเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว จากการที่คุณพ่อคุณแม่ของตนซึ่งเคยเป็นพนักงานทำงานในโรงงานผลิตรองเท้า ได้นำองค์ความรู้ และประสบการณ์จากการทำงานมาสร้างโรงงานเป็นของตนเอง โดยมองเห็นโอกาสทางการตลาดจากรองเท้านักเรียน ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะเด็กทุกคนมีความต้องการ หรือเรียกว่ามีความจำเป็นต้องใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยที่ตนเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เข้ามาบริหารงาน
แบรนด์แรกที่นำเสนอสู่ตลาดก็คือ “สโนว์เฟลกซ์” (Snowflakes) โดยที่บริษัทเลือกทำตลาดในกลุ่มของเด็กโต โดยชูจุดเด่นเรื่องของคุณภาพในการผลิตรองเท้าเพื่อเจาะช่องว่างทางการตลาด และมีอยู่ช่วงหนึ่งได้มีลุกค้าได้นำรองเท้าต้นแบบจากต่างประเทศมาให้ที่โรงงานผลิต ผลปรากฏว่าตลาดตอบรับดีมาก จนถึงขนาดที่โรงงานไม่สามารถผลิตรองเท้าออกจำหน่ายได้ทันต่อความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อรองเท้าที่บริษัทผลิตได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการลอกเลียนแบบจากคู่แข่งในตลาด และเริ่มมีการแข่งขันทางด้านราคาเกิดขึ้น ด้วยความที่บริษัทเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทำให้ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากคู่แข่งขันในตลาดได้
เมื่อสถานการณ์เป็นดังนี้ บริษัทจึงเริ่มเสาะหาช่องทางใหม่ในการทำตลาด เพื่อหลีกหนีจากคู่แข่ง และได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการผลิตรองเท้านักเรียนไปสู่การผลิตรองเท้าแฟชั่นที่มีสีสัน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยผู้ใหญ่ หรือวัยทำงาน ซึ่งเมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่งตลาดก็เริ่มอิ่มตัวตามวัฎจักร ส่งผลให้ช่องทางการทำตลาดลดน้อยลง จนสุดท้ายบริษัทก็สู้ไม่ไหว
เชี่ยวชาญทางด้านรองเท้า
ชลัฐ บอกต่อไปอีกว่า ด้วยความที่บริษัทมีจุดเด่นทางด้านขององค์ความรู้ในการผลิตรองเท้า สามารถทำได้ทุกแบบตามที่ต้องการ วันหนึ่งได้มียี่ปั๊วรายหนึ่งเข้ามาว่าจ้างให้ผลิตรองเท้า เพื่อที่จะนำไปทำแบรนด์เป็นของตนเอง จนในขณะนั้นบริษัทไม่ได้ผลิตรองเท้าในแบรนด์ของตนเองเลย แต่แล้วเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงจากยุคออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ ยี่ปั๊วรายนั้นก็ได้เปลี่ยนไปจ้างโรงงานอื่น เพื่อผลิตรองเท้าให้
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น บริษัทจึงเริ่มกลับเข้าสู่วงการรองเท้าอีกครั้ง โดยนำความเชี่ยวชาญในการผลิตมาเป็นจุดเด่น สร้างสรรค์รองเท้ารูปแบบด้วยนวัตกรรมที่โรงงานอื่นไม่สามารถทำได้ โดยนำสิ่งที่ใกล้ตัวนั่นก็คือวัสดุเหลือใช้จากโรงงานที่เป็นเศษผ้า ซึ่งบริษัทจะนำไปผ่านขั้นตอนของการบดใหม่ให้เป็นเส้นใย หลังจากนั้นจึงนำมาหลอมรวมเข้ากับยางให้กลายเป็นชิ้นเดียวกัน (Reuse&Recycle) เพื่อนำไปต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทได้ดำเนินการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมยางผสมเศษผ้าเอาไว้เรียบร้อยแล้วภายใต้สิทธิบัตรการประดิษฐ์ และได้รับเครื่องหมาย Eco Self care มาตรฐาน ISO1421 และวัตถุดิบสร้างสรรค์ยางชนิดใหม่ของ TCDC
ทั้งนี้ เมื่อมีนวัตกรรมอยู่ในมือ ประกอบกับที่มองเห็นช่องทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาเดินหน้าผลิตรองเท้าแฟชั่นที่มีความโดดเด่นทางด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้แบรนด์ “สโนเฟลกซ์” กลับมาถูกจับตามองจากตลาดอีกครั้ง
กำเนิดแบรนด์ “Gemio”
ชลัฐ บอกต่อว่า เมื่อนวัตกรรมพร้อม ช่องทางการตลาดเปิดกว้าง บริษัทจึงต่อยอดแบรนด์ “สโนว์เฟลกซ์” ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ระดับกลาง ให้กลายเป็นแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “เจมิโอ้” (Gemio) โดยสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์ (Unique) มากขึ้น ซึ่งบริษัทเลือกที่จะหยิบจับงานผ้าทอมือของแต่ละจังหวัดมาผสมผสานเข้ากับรองเท้า ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน และกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ แต่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่มีเรื่องราวที่มาที่ไปที่น่าสนใจ (Story)
“เราคือโรงงานผู้ผลิต ออกแบบ และจำหน่ายรองเท้าด้วยการมีโรงงานเซฉวนผลิต และบริษัท เดอะ โคลเวอร์ เป็นผู้ออกแบบและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ สโนว์เฟลกซ์ และเจมิโอ้”
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นที่การออกงานแสดงสินค้าร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในกลุ่มของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ก็จะดำเนินการเรื่องการสร้างตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น อย่างไรก็ดี ล่าสุดบริษัทได้มีการนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายที่อีโคโทเปีย (Ecotopia) ซึ่งเป็นโซนสำหรับสิ่งแวดล้อมของสยามดิสคัฟเวอรี่อีกด้วย
นอกจากนี้ยังจะเดินหน้ากลยุทธ์ทางด้านออนไลน์ โดยอาศัยช่องทางของตลาดกลางออนไลน์ในการนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซด์ลาซาด้า (Lazada) ,ช็อปปี้ (Shopee) ,24แคตตาล็อก (24Catalog) หรือเซเว่นแคตตาล็อกเดิม (7Catalog) และไทยเทรดดอทคอม (thaitrade.com) อีกทั้ง บริษัทยังมีช่องทางออนไลน์ของตนเองผ่านทางเว็บไซด์ของบริษัท ,เพจเฟสบุ๊ก ,ไลน์แอด (Line@) และอินสตราแกรม (IG)
ชลัฐ บอกอีกว่า บริษัทกำลังมองหาช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศโดยผ่านทางตัวแทนจำหน่าย โดยที่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็มีจำหน่ายแล้วที่เว็บไซด์อเมซอน (AmaZon.com)และอาลีบาบา (Alibaba) และมีตัวแทนจำหน่ายที่เปิดช็อปขนาดเล็กที่สหรัฐอเมริกา นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย
ส่วนหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น อยู่ที่ความใส่ใจต่อลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาผลิต รวมถึงการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งาน รวมถึงแฟชั่น และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสุขภาพ สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม มีความต่อเนื่องในการนำเสนอ พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่.
ติดต่อสอบถาม โทร.0-2415-3415,0-89476-3347 Website : www.Snow-flakes.com , www.theGemio.com
FB : gemioshoes, snowflakesshoes