“คักแฮง” สูตรเด็ดขนมปังร้อยล้าน
ชีวิตมีทางเลือกเสมอหากตั้งใจที่จะไขว่คว้า และหาช่องทางในการปรับเปลี่ยนโดยไม่ยึดติด เพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางของการใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ
กันตินันท์ และศุภรดา ศรีสุริยประภา คืออดีตคู่รักมนุษย์เงินเดือน ที่เลือกเส้นทางใหม่กับตนเอง หันมามุ่งมั่นกับการทำธุรกิจเป็นของตนเอง โดยหยิบนำความถนัดของศุภรดา ซึ่งชื่นชอบการทำเมนูประเภทขนมปัง Startup ธุรกิจขึ้นมาภายใต้แบรนด์ “คักแฮง” (Kuck Hang)
ความตั้งใจสู่ขนมปังเกรดพรีเมี่ยม
กันตินันท์ ซึ่งปัจจุบันรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศุภนันท์ฟู๊ด เป็นตัวแทนเล่าให้ฟังว่า จากที่มาที่ไปของการที่ ศุภรดา มีความเชี่ยวชาญเมนูขนมปังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับมองเห็นว่าตลาดขนมปังเป็นตลาดที่กว้าง และเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมากสำหรับผู้บริโภคในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นอาหารว่าง และอาหารหลัก เมื่อไอเดียเกิดตกผลึกเป็นอย่างดีแล้ว จึงพยายามที่จะสร้างเอกลักษณ์ให้กับขนมปังของตนเอง โดยได้ทำการศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆทั้งของไทย และต่างประเทศ อีกทั้งยังได้ขอคำแนะนำเรื่องเทคโนโลยีการผลิตจากสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
อย่างไรก็ตาม กว่าจะได้สูตรขนมปังที่ลงตัว ซึ่งมีเนื้อเนียนนุ่มเป็นอย่างมาก พร้อมกับกลิ่มที่หอมเย้ายวนในตัวเอง แตกต่างจากขนมปังโดยทั่วไป สมกับความตั้งใจที่ต้องการให้เป็นเอกลักษณ์ของขนมปังภายใต้แบรนด์ คักแฮง ต้องผ่านการลองผิดลองถูกอยู่เป็นเวลานาน จนกล้าเอ่ยปากกับผู้บริโภค และการันตีได้ว่านี่คือขนมปังเกรดพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง โดยใช้วัตถุดิบเกรดเอที่นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส
ไม่ใช้เพียงแต่เฉพาะสูตรของแป้งขนมปังเท่านั้นที่ต้องการให้มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่ไส้ของขนมปังนั้น กิตตินันท์ ก็บอกว่ามีให้เลือกอย่างหลากหลายตามความชอบของแต่ละคนมากกว่า 30 ชนิด ประกอบไปด้วย มะพร้าว ,ฝอยทอง ,ไส้กรอกชีสแฮม ,วุ้นลูกตาล ,ทูน่าปูอัด ,วานิลลา ,สังขยาใบเตย ,หมูหยองพริกเผา ไก่ผักผงกะหรี่ เป็นต้น โดยใส่มาแบบล้นทะลัก เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความพิเศษ และคุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายออกไปเพื่อซื้อขนมปังของ คักแฮง ไปรับประทาน
“จากการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีเกรดเอจากต่างประเทศ ผสมผสานกับสูตรขนมปังที่คิดค้น และทดลองสูตรมาเป็นอย่างดี บวกกับไส้ของขนมปังที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ได้กลายเป็นจุดเด่นของ คักแฮง ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ชื่นชอบเมนูขนมปัง นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นเรื่องของการเป็นขนมปังอบสดที่ไม่ใส่สารประเภทต่างๆเข้าไปในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็น สารกันหืน ,สารกันบูด ,สารเร่ง หรือแม้แต่มาการีน และขนมปัง ดักแฮง จะเป็นการอบแบบสดใหม่ในทุกวัน”
ปรับกลยุทธ์มุ่งออนไลน์
กันตินันท์ บอกต่ออีกว่า ปัจจุบันมีสาขาของขนมปัง คักแฮง ที่ดูแลด้วยตนเองอยู่จำนวน 6 สาขา และมีจำนวนสาขาที่เป็นแฟรนไชน์อีกเป็นจำนวนมาก แต่จะไม่ได้ใช้ชื่อร้านเป็นแบรนด์ คักแฮง เนื่องจากมองว่าเป็นการยากที่จะควบคุมคุณภาพให้ได้เหมือนร้านที่ดูแลเอง เพราะฉะนั้นในสาขาแฟรนไชน์จึงเป็นการใช้วิธีส่งวัตถุดิบแป้งขนมปังสดจากร้าน คักแฮง ไปให้ โดยที่ทางร้านแฟรนไชน์จะใช้ชื่อในการขายว่าอะไรก็ได้ เนื่องจากเรามีความมั่นใจในสูตรของแป้งขนมปัง ที่ไม่ว่าจะนำไปประยุกต์เป็นเมนูใด ก็จะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของขนมปัง คักแฮง อย่างชัดเจน เช่นการนำขนมปังไปใช้ในเมนู ฮันนี่โทรส ที่กำลังได้รับความนิยม หรือนำขนมปังแบบแถวไปทำเป็นเมนูแซนวิทไส้ต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในปี 2560 ได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด โดยมุ่งเน้นไปสู่ช่องทางการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยซึ่งนิยมซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าการเลือกซื้อจากหน้าร้าน เพื่อความสะดวกสบาย โดยจะเห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นจากช่องทางดังกล่าวเป็น 70% ของยอดขายทั้งหมดในปัจจุบันจากต้นปี 59 ที่มีอยู่เพียง 30% เท่านั้น
ทั้งนี้ ยังได้มีการปรับกลยุทธ์ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชน์ โดยไม่มีนโยบายที่จะปล่อยแฟรนไชน์ในปีนี้ เนื่องจากมองว่าผู้ลงทุนอาจจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนทั้งในเรื่องของค่าเช่าพื้นที่ และค่าวัตถุดิบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากผู้ลงทุนมีทำเลที่มีศักยภาพก็อาจจะพิจารณาในเรื่องของแฟรนไชน์ อย่างไรก็ดี ยังเตรียมขยายตลาดไปสู่การจำหน่ายทั่วประเทศผ่านช่องทางของบิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น โลตัส ทั้งในส่วนของการนำสินค้าไปวางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้า และในแคตตาล็อกออนไลน์ โดยขั้นตอนล่าสุดมีการเจรจาคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 80% ซึ่งเชื่อว่าจะนำผลิตภัณฑ์ คักแฮง เข้าไปจำหน่ายได้ภายในปีนี้
“การควบคุมมาตรฐานแฟรนไชน์ให้ขนมปัง “คักแฮง” มีรสชาติและมาตรฐานเดียวกันทุกแห่งนั้น หลังจากตัดสินใจจะทำธุรกิจร่วมกันแล้ว ต้องมาเข้ารับการอบรมวิธีทำและวิธีบริหารร้านประมาณ 3-4 วัน รวมถึง กำหนดเงื่อนไขสำคัญต้องรับวัตถุดิบแป้งสดบรรจุถุงสำเร็จรูปจากแฟรนไชน์ซอร์เท่านั้น ส่วนเรื่องไส้ต่างๆ นั้น กำหนดให้ต้องซื้อจากแหล่งและชนิดที่กำหนดให้เท่านั้น”
เล็งทำตลาดประเทศเพื่อนบ้าน
กันตินันท์ บอกถึงแผนการบุกตลาดต่างประเทศด้วยว่า ในเบื้องต้นเตรียมขยายฐานลูกค้า และเริ่มทำตลาดที่ประเทศลาว ,เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งล่าสุดอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการทำธุรกิจระหว่างการหาพันธมิตรร่วมธุรกิจเพื่อเปิดจำหน่าย และการหาตัวแทนจำหน่ายซึ่งจะต้องมีศักยภาพในการกระจายสินค้า โดยการปรับกลยุทธ์ และการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 100 ล้านบาท จากปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 48 ล้านบาท
“การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวยังเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากการทำตลาดทางด้านออนไลน์ไมได้ค่าใช้จ่ายอะไรมากกมาย แต่เป็นช่องทางที่มีศักยภาพ เพียงแต่จะต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยานานขึ้น และมีน้ำหนักเบาเพื่อให้สะดวกในการขนส่งสินค้าไปยังผู้บริษัท นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคุณภาพแฟรนไชน์ เพื่อควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย โดยเมื่อค่าใช้จ่ายลดลงควบคู่ไปกับการขยายตลาดเชื่อว่าจะทำให้มีรายได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน”